วัดพระบาทน้ำพุเงียบเหงา รักษาการไวยาวัจกร วัดพระบาทน้ำพุ เผยเหลือเงินสดล้านกว่าบาท ประคองวัดได้เพียง 4-5 วัน วอนประชาชนแยกแยะส่วนรวม-ส่วนตัว ยันอดีตเจ้าอาวาสไม่เคยมีปัญหาเรื่องสีกา

วันที่ 27 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี พบว่าบรรยากาศภายในวัดเป็นไปด้วยความเงียบเหงา มีเพียงผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในวัดเท่านั้น โดยไม่มีประชาชนหรือลูกศิษย์เข้ามาทำบุญ หรือบริจาคสิ่งของเหมือนเช่นที่ผ่านมา

นายสมพร โสมะเค็ง รักษาการไวยาวัจกร วัดพระบาทน้ำพุ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อวัดอย่างหนัก จนเปรียบเสมือนต้องถอยกลับไปในยุคแรกเริ่มที่ชาวบ้านรังเกียจ ไม่ใส่บาตร และไม่ยอมรับผู้ป่วย ขณะนี้สิ่งสำคัญคือ การประคับประคองงานที่หลวงพ่อเคยทำไว้ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลผู้ป่วย กิจกรรมของสงฆ์ หรือแม้แต่การดูแลลิง ซึ่งต้องมีค่าอาหาร รวมถึงค่าอาหารผู้ป่วย โดยค่าใช้จ่ายของวัดตกเดือนละประมาณ 3 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันวัดเหลือเงินสดเพียงล้านกว่าบาท ซึ่งเพียงพอประคองไปได้เพียง 4-5 วันเท่านั้น ขณะที่บัญชีธนาคารถูกอายัดเพื่อตรวจสอบ ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ ทำให้การใช้จ่ายต้องประหยัดอย่างที่สุด ที่น่าหนักใจคือ ไม่มีใครเข้ามาบริจาคเพิ่มเติม และยังมีบางรายที่เคยทำบุญกลับขอเงินคืน แต่ไม่สามารถคืนได้ทันที เนื่องจากเงินถูกโอนเข้าบัญชีที่ถูกอายัด

...


ขณะนี้วัดจึงพยายามหาทางออก เช่น ให้ผู้ที่อยู่ในบ้านเด็กและวิสาหกิจชุมชนปลูกผัก เลี้ยงไก่ หรือเผาถ่านขายเพื่อช่วยเหลือตนเอง พร้อมทั้งย้ำว่าอยากให้ประชาชนเข้าใจและแยกประเด็นให้ชัดเจน วัดยังคงทำหน้าที่ดูแลผู้ป่วย ผู้ยากไร้ และเด็กกำพร้า ซึ่งไม่สามารถทอดทิ้งได้ เพราะหากไม่ดูแลต่อไปก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร

เราไม่ได้เอาผู้ป่วยมาเป็นตัวประกัน แต่ถ้าทิ้งไปแล้วใครจะดูแล จึงอยากให้สังคมแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องส่วนรวม คนที่เคยทำบุญกับวัดไม่ต้องรู้สึกเสียดาย เพราะเงินที่ทุกคนร่วมทำบุญมากว่า 30 ปี ได้ช่วยให้ผู้ป่วยเหล่านี้มีชีวิตอยู่จนถึงวันนี้

นอกจากนี้ ไม่เพียงแต่วัดเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ แต่หน่วยงานอื่น ๆ ที่เคยพึ่งพาหลวงพ่อ ไม่ว่าจะเป็นมูลนิธิ โรงเรียน สโมสร หรืองานสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน

และสำหรับประเด็นที่มีการกล่าวหาอดีตเจ้าอาวาสว่ามีสีกา นายสมพรยืนยันแทนว่า ไม่เป็นความจริง และหลวงพ่อได้พิสูจน์ตัวเองมาโดยตลอด ความเข้าใจผิดอาจเกิดจากความเมตตาของท่าน ที่มักช่วยเหลือผู้เดือดร้อนเท่านั้น

ส่วนร่างผู้เสียชีวิตที่ถูกเก็บไว้ภายในวัด ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิสูจน์อัตลักษณ์ ซึ่งหากแล้วเสร็จจะดำเนินการฌาปนกิจตามประเพณีต่อไป