อดีตเจ้าอาวาสวัดดังที่นนทบุรี เอาที่วัดไปจำนอง 5 ล้าน ก่อนหลุดเพราะไม่มีเงินไปจ่าย มัคทายกและเจ้าอาวาสรูปใหม่ ไปเจรจาขอซื้อคืน นายทุนประกาศขายให้ 30 ล้าน พ้อแค่บริหารให้วัดมีเงินพอจ่ายค่าน้ำ-ค่าไฟ ยังลำบากเลย

ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องที่ดินของวัดบางแพรก ต.บางรักใหญ่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี หลุดจำนองหลังอดีตเจ้าอาวาสรูปเก่านำโฉนดที่ดินของวัดไปจำนองไว้กับนายทุน ก่อนอดีตเจ้าอาวาสจะลาออกจากวัดไป เนื่องจากไม่สามารถหาเงินมาไถ่ถอนที่ดินดังกล่าวกลับคืนมาให้วัดได้

จากการลงพื้นที่ตรวจสอบ พบกับตัวแทนชาวบ้านรายหนึ่ง ให้ข้อมูลว่า ที่ดินผืนดังกล่าวที่ถูกนายทุนรับจำนองไว้ มีเนื้อที่ 3 ไร่ 1 งาน 27 ตารางวา ซึ่งที่ดินผืนนี้ทางวัดได้นำเงินของอดีตเจ้าอาวาสที่มรณภาพลงไปแล้วเหลือเงินอยู่ประมาณ 7 ล้านบาทไปขอซื้อกับเจ้าของที่ดินมาในราคา 5 ล้านบาท เนื่องจากที่ดินผืนดังกล่าวเป็นที่ตาบอดอยู่ติดกับทางด้านหลังของวัด หลังซื้อมาแล้วมีการโอนโฉนดที่ดินผืนนี้ไปเป็นชื่อของพระมหารูปหนึ่ง ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดบางแพรกในเวลาต่อมา โดยไม่ได้โอนเป็นชื่อวัด ต่อมาเจ้าอาวาสรูปนี้ได้นำที่ดินผืนดังกล่าวไปจำนองกับนายทุนจนกระทั่งหลุดจำนอง ท่ามกลางความสงสัยของชาวบ้านในชุมชนว่าทำไมเจ้าอาวาสถึงเอาที่ดินวัดไปจำนอง แล้วปล่อยหลุดไปเป็นของนายทุน

ชาวบ้านเผยอีกว่า หลังเกิดเรื่องขึ้นเจ้าอาวาสรูปนั้นทนแรงกดดันไม่ไหว ถูกเจ้าคณะอำเภอสั่งปลดออกตำแหน่งเจ้าอาวาสวัด ทำให้ปัจจุบันเจ้าอาวาสรูปนี้ต้องออกจากวัดไปและมีการแต่งตั้งเจ้าอาวาสรูปใหม่ขึ้นมาแทน ส่วนเจ้าอาวาสรูปเก่าตนไม่แน่ใจว่าไปอยู่ที่ญี่ปุ่น หรือที่จังหวัดบ้านเกิดในภาคอีสาน ซึ่งตนมองว่าเจ้าอาวาสรูปนี้ได้ทำผิดด้วยการนำที่วัดไปจำนองจนที่ดินวัดหลุดไปเป็นของเอกชนอย่างไม่สมควร และทางเจ้าอาวาสวัดรูปนี้ก็ไม่ได้รับผิดชอบอะไรเลย จึงอยากให้ช่วยตรวจสอบในเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งตนเห็นเป็นอย่างยิ่งกับกฎหมายใหม่ที่จะออกมาควบคุมพระ ควบคุมวัด ให้สอดคล้องกับสภาวะของวัดในปัจจุบัน

...


เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายสัมฤทธิ์ โพธิ์จันทร์ มัคทายกวัดบางแพรก เปิดเผยว่า ที่ดินของวัดที่ถูกหลุดจำนองถูกยึดไปนั้น เป็นเงินของอดีตเจ้าอาวาสที่มรณะลงแล้ว มีเงินติดบัญชีอยู่ประมาณ 7 ล้าน ทางกรรมการวัดในยุคนั้นได้เสนอให้ทางวัดขอซื้อที่ดินผืนดังกล่าวซึ่งเป็นที่ดินตาบอดติดอยู่กับท้ายวัดเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในอนาคต จากนั้นในปี 51 จึงมีการตกลงซื้อที่ดินดังกล่าวมาในราคา 5 ล้าน กระทั่งต่อมาในปี 57 มีคนนำป้ายมาปักขายที่ดินดังกล่าวไว้ ตนจึงมาทราบเรื่องว่าอดีตเจ้าอาวาสได้นำโฉนดที่ดินของวัดไปจำนองเพื่อกู้เงินประมาณ 5 ล้านบาทออกมาใช้ในกิจกรรมของวัด กระทั่งในปีสุดท้ายได้เปลี่ยนสัญญาเป็นขายฝาก แล้วคงไม่มีเงินไปไถ่ถอนหรือส่งดอก จึงถูกนายทุนที่รับจำนองขายฝากยึดที่ดินของวัดไป

นายสัมฤทธิ์ กล่าวอีกว่า หลังตนทราบเรื่องได้เดินทางเข้าไปถามกับเจ้าอาวาสรูปนั้นว่าทำไมถึงทำแบบนี้ ก็ได้รับคำตอบกลับมาว่าอาตมาเสียใจเพราะอาตมาบริหารผิดพลาดไปแล้ว จากนั้นในปีต่อมาทางเจ้าอาวาสรูปนี้ก็ลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบางแพรกไป โดยไม่มีใครติดต่อได้อีก ตนในฐานะคนพื้นเพและเป็นมัคทายกของวัดรู้สึกเสียใจที่วัดต้องมาเสียที่ดินแปลงนี้ไปอย่างไม่คาดคิด ที่ผ่านมาตนเองพยายามติดต่อกับเจ้าของที่คนปัจจุบันเพื่อหาทางขอซื้อที่ดินวัดคืนในราคาที่เหมาะสมคืน แต่กลับถูกปฏิเสธอ้างว่าเป็นเรื่องของธุรกิจ และจะขายคืนให้วัดในราคาปัจจุบันคือ 30 ล้านบาท ซึ่งราคานี้ทางวัดคงไม่มีเงินมากพอที่จะหาไปซื้อคืนกลับมาได้ แม้ว่าจะเคยวิงวอนขอความเห็นใจกับทางเจ้าของที่ไปแล้วก็ตาม โดยในที่ดินดังกล่าว ทางวัดได้มีการก่อสร้างห้องน้ำวัด และศาลาท่าน้ำไว้ด้วย

ต่อมาผู้สื่อข่าว เข้าพบกับพระมหาณัฐวุฒิ กล.ยาณเมธี เจ้าอาวาสวัดบางแพรก องค์ปัจจุบัน เปิดเผยว่า อาตมาเพิ่งมารับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดแห่งนี้ได้เพียง 3 เดือน เมื่อเข้ามารับตำแหน่งก็พบว่าวัดแห่งนี้มีภาระหนี้สินอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งต้องหาวิธีแก้ไขต่อไป ประกอบกับทางวัดเองไม่มีรายได้อะไรนอกจากจะมีคนมาทำบุญที่วัด ลำพังแค่บริหารวัดให้มีรายได้ไปจ่ายค่าน้ำค่าไฟไม่ให้ถูกตัดก็ลำบากแล้ว เรื่องที่ดินหลังวัดที่หลุดจำนองจนตกเป็นของนายทุนนั้น อาตมามาทราบเรื่องหลังเข้ารับตำแหน่ง ก็ได้มีการพูดคุยกับเจ้าของที่ดินคนนี้ไปแล้วครั้งหนึ่งเพื่อขอความเห็นใจให้ทางวัดได้หาวิธีการรวบรวมเงินซื้อที่ดินผืนนี้กลับคืนมา แต่ทางเจ้าของที่ดินไม่ยอมลดราคาให้ ยืนยันว่าจะขายคืนให้กับวัดในราคาประเมินปัจจุบันคือไร่ละ 10 ล้านบาท ที่ดิน 3 ไร่กว่า ราคาจึงอยู่ที่ประมาณ 30 กว่าล้านบาท ซึ่งราคานี้ทางวัดคงไม่มีเงินมาพอที่จะไปซื้อกลับคืนมาได้เพราะเป็นราคาที่สูงหลายเท่าตัวกับตอนที่นำไปจำนองไว้เพียง 5 ล้านบาทเท่านั้น

พระมหาณัฐวุฒิ กล่าวอีก เรื่องที่อดีตเจ้าอาวาสรูปก่อนนำโฉนดที่ดินไปจำนองนั้น ตนทราบมาว่าอดีตเจ้าอาวาสได้ทำหนังสือชี้แจงไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติแล้ว ก่อนที่ต่อมาทางอดีตเจ้าอาวาสจะขอลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดไปด้วยตัวเองเพื่อแสดงความรับผิดชอบ ไม่ใช่ถูกปลดออกจากตำแหน่งอย่างที่เข้าใจผิด ซึ่งปัจจุบันเจ้าอาวาสรูปนี้ก็ยังบวชเป็นพระอยู่ในต่างจังหวัด