พ่อเฒ่าวัย 72 ปี จบชีวิตตัวเอง ข้างบ้านพัก ขณะที่ลูกสาวนั่งร้องไห้กลางสายฝน บอกเมื่อเช้ายังโทรคุยกันอยู่ ไม่มีลางบอกเหตุอะไร ด้านเพื่อนบ้านเล่าผู้ตายเคยตัดพ้อ

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 8 พ.ค.68 ร.ต.อ.จักรพงศ์ นุชพัฒน์ รอง.สว.สอบสวน สภ.คูคต ได้รับแจ้งเหตุมีคนเสียชีวิต ด้วยอาวุธปืน ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนพร้อมด้วย พ.ต.อ.กานตภณ วรรณา ผกก.สภ.คูคต แพทย์เวรชันสูตร จากโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช เจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 ปทุมธานี และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย ทราบชื่อ นายสายยันต์ (สงวนนามสกุล) อายุ 72 ปี สภาพศพนอนหงายเสียชีวิตอยู่ข้าง ปลายเท้าข้างขวาพบอาวุธปืน 1 กระบอก ยี่ห้อ CZ ขนาด 9 มม. ฝั่งตรงข้ามพบปลอกกระสุนขนาด 9 มม. จำนวน 1 ปลอก และยังอยู่ในรังเพลิงอีก 1 นัด ที่ขมับมีบาดแผลถูกยิงกระสุนเข้าขมับขวาทะลุขมับซ้าย

โดยระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุนั้น พบว่าลูกสาวผู้ตายได้มานั่งคุกเข่าดูการทำงานของเจ้าหน้าที่อยู่บริเวณเส้นกั้นพื้นที่เกิดเหตุ ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง

จากการสอบถาม นายเกษียณพงษ์ อายุ 71 ปี เพื่อนบ้านบอกว่า ตนเองกับผู้ตายเป็นเพื่อนกันซึ่งผู้ตายอยู่บ้านพักคนเดียว เพราะภรรยาได้เสียชีวิตไปนานแล้ว ซึ่งผู้ตายบ่นว่าอยากตาย ตนก็คอยปลอบว่าจะรีบตายไปไหน มันยังไม่ถึงเวลา เรามีทุกอย่างแล้ว แต่ผู้ตายไปหาหมอบ่อย เดือนหนึ่งประมาณ 2 ครั้ง ด้วยโรคชรา ซึ่งตนยังบอกเขาเลยว่ามีอะไรก็ให้มาเรียก ซึ่งวันนี้ตนอยู่หลังบ้านเมื่อออกมาก็พบว่าตำรวจมาเต็มหมู่บ้านแล้ว และเห็นถุงกุญแจกับแว่นตา ตนจึงหยิบขึ้นมาดู พบว่าเป็นของผู้ตายนำมาโยนเอาไว้

...

ด้าน นางสาววริศรา (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี ลูกสาวผู้ตายบอกว่า พ่อเขาอยู่คนเดียวที่บ้าน เขาจะบ่นตลอดว่าเหงา ซึ่งพ่อมีโรคประจำตัว โรคความดัน ส่วนอาวุธปืนพ่อมีไว้ก่อนเกษียณ วันนี้ตนได้โทรศัพท์คุยกับพ่อก่อนเที่ยง ก็ไม่ได้มีลางสังหรณ์อะไร คุยกันปกติ พ่อบอกตอนเช้าไปฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่มาแล้ว ยังกลับมาเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ จนมีคนโทรแจ้งจึงรีบมาดู

ด้าน ร.ต.อ.จักรพงศ์ นุชพัฒน์ รอง สว.สอบสวน สภ.คูคต หลังจากตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้วจึงบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน และได้ให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำผู้เสียชีวิตส่งนิติเวชโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัดอีกครั้ง