ดับแล้ว "ไฟไหม้โกดังเก็บพลาสติก" ที่ฉะเชิงเทรา หลัง จนท. ระดมฉีดน้ำกว่า 3 ชม. คาดมูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท ผู้ว่าฯ ลงพื้นที่สั่งเร่งตรวจสอบหาสาเหตุ
จากกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บพลาสติกของบริษัทแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ม.14 ต.เกาะขนุน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเพลิงได้ลุกไหม้จากด้านข้างโรงงาน ก่อนจะลุกลามไหม้ภายในโกดัง มีขนาดพื้นที่ความเสียหายประมาณ 1 ไร่ อย่างรวดเร็ว ดังที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น (ยังดับไม่ได้ ไฟไหม้โกดังเก็บพลาสติก อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ระดมรถช่วย 30 คัน)
ผู้สื่อข่าวได้รายงานความคืบหน้าว่า เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัย อบต.เกาะขนุน และเจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยหน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา รถดับเพลิง บ.โตโยต้าเกตเวย์ หน่วยกู้ภัยพนม หน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทรา ทีมดับเพลิงภาคตะวันออก ต้องระดมรถน้ำกว่า 30 คัน ช่วยกันฉีดน้ำดับเพลิงใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง จึงควบคุมเพลิงไว้ได้ มูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท ทั้งโรงงานมีเนื้อที่กว่า 20 ไร่
...
ขณะที่นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย นายพงษ์ศักดิ์ ธีระกิตติวัฒนา หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดฉะเชิงเทรา นายสุพจน์ ตรีรัตนนุกูล นายอำเภอพนมสารคาม พ.ต.อ.พิสิษฐ์ธัช นาคชัยวัฒนา ผกก.สภ.พนมสารคาม นายกัมปนาท ชูสุวรรณ์ นายกอบต.เกาะขนุน ก่อนที่ผู้ว่าฯ จะมีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่นำรถแม็คโคร และเครื่องจักรหนักเข้าเคลียร์กองสินค้าที่ถูกเพลิงลุกไหม้ ก่อนที่จะให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงระดมฉีดน้ำเข้าไป เพื่อให้เพลิงดับสนิทเพราะเชื้อเพลิงเป็นพลาสติก หวั่นจะลุกไหม้แล้วลามไปติดโกดังติดกันอีก
โดยผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้นายอำเภอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมตรวจสอบไฟไหม้โรงงาน ที่ตำบลเกาะขนุน อำเภอพนมสารคาม ซึ่งทางจังหวัดไม่ได้นิ่งนอนใจ ที่ผ่านมาก็เน้นย้ำตลอดว่าให้ระวังไฟไหม้ และในเรื่องของการวางแผนช่วยเหลือและเตรียมความพร้อม ซึ่งในขณะนี้ สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้แล้ว ตรวจสอบแล้วว่าไม่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต จึงฝากไปยังผู้ประกอบการและชาวบ้านที่อาจเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้ให้ตรวจเช็ก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือสายไฟที่อาจจะเก่าไป และระบบการป้องกันของโรงงานให้มีความพร้อมและขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงาน ที่เข้าร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้