"ลุง-ป้า" เจ้าของกระบะ ถูกผู้สมัคร สท. ขับเก๋งหรูกระแทกจนเสียหลักชนแบริเออร์ เปิดใจไหว้ขอโทษแล้ว ขณะที่คู่กรณีพบตำรวจหลังเกิดเหตุ ตรวจไม่พบปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย
กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงในโลกออนไลน์ เมื่อมีการแชร์คลิปจากเฟซบุ๊กเพจ "เฮียขับรถ" เป็นอุบัติเหตุบนมอเตอร์เวย์ บนถนนกาญจนาภิเษกหมายเลข 9 บางนา-บางปะอิน มุ่งหน้าบางปะอิน กม.22 อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี โดยพบรถเก๋งหรูป้ายแดงกับรถกระบะ มีลักษณะคล้ายขับปาดหน้ากันมา ก่อนที่รถป้ายแดงจะขับชนรถกระบะจนเสียหลักไปชนแบริเออร์เกาะกลางถนน ทำให้คนขับรถกระบะซึ่งเป็นคุณลุงวัย 65 ปี มากับคุณป้าวัย 64 ปี ได้รับบาดเจ็บ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2568 ผู้สื่อข่าวตรวจสอบแล้วพบว่า หลังเกิดเหตุอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้นำผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 2 ราย ส่ง รพ.บางปะกอกรังสิต 2 ทราบชื่อต่อมาคือ นายประจักษ์ ดวงใย อายุ 65 ปี คนขับ และนางสมศรี ดวงใย อายุ 64 ปี
จากการโทรสอบถามนางสมศรี ทราบว่า เหตุเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 08.00 น. วานนี้ ขณะนั้นตนและสามีขับรถมาจากบ้านลูกสาวที่พัทยา มุ่งหน้าลำปาง มาถึงที่เกิดเหตุคนขับรถบีเอ็มเปิดกระจกชี้หน้าด่าทอ หาว่าขับเบี่ยงรถไปในเลนเขา และบอกให้จอดรถเพื่อลงมาคุยกัน ตนเกรงว่าจะมีอาวุธ ตนกับลุงจึงไหว้ขอโทษถ้าทำผิด แต่คนขับไม่ยอม ยังปาดหน้าซ้ายขวาไปมาก่อนที่จะขับรถกระแทกจนเกิดอุบัติเหตุ ดีที่สามีขับรถไม่เร็วมาก
...
นางสมศรี บอกด้วยว่า ตอนนี้อาการของป้าอาการดีขึ้น เพราะตัวกระแทกกับสายเข็มขัดนิรภัย และถุงลมนิรภัย มีอาการเจ็บเล็กน้อย ส่วนสามียังอยู่ในห้องไอซียู กระดูกซี่โครงร้าว มีอาการจุกหน้าอก แต่อาการก็เริ่มดีขึ้น ซึ่งตั้งแต่เกิดเหตุคนขับรถคู่กรณียังไม่มีการติดต่อมาเพื่อขอโทษหรือเจรจาแต่อย่างใด
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ที่ขับรถเก๋งป้ายแดง คือ นายสมิทธิพัฒน์ หลี่นวรัตน์ ลูกชายของ "นายกเบี้ยว" กฤษฎา หลีนวรัตน์ นายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี จ.ปทุมธานี และน้องชายของ "ฟลุ๊ค" มนัสนันท์ หลีนวรัตน์ สส.ปทุมธานี เขต 5 พรรคเพื่อไทย
มีรายงานว่า หลังเกิดเหตุ นายสมิทธิพัฒน์ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนทันที ตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่พบปริมาณแอลกอฮอล์และยังไม่มีการแจ้งข้อหา เพราะต้องรอสอบปากคำทั้งสองฝ่าย
ล่าสุด ช่วงเช้าวันนี้ ทีมข่าวได้สอบถามไปยัง พ.ต.อ.กึกก้อง ดิศวัฒน์ ผู้กำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ให้ข้อมูลว่า วันเกิดเหตุทางพนักงานสอบสวนได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ จึงได้ทำการช่วยเหลือส่งคนเจ็บไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล
ส่วนตัวคนขับบีเอ็มฯ ก็ยืนอยู่ในที่เกิดเหตุ จึงมีการเชิญตัวไปสอบปากคำที่สถานี ในส่วนนี้ต้องมีการดำเนินคดีแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรกที่ต่างฝ่ายต่างปาดหน้ากันไปมา ส่วนที่ 2 คือ รถบีเอ็มฯ ที่ขับไปชนคู่กรณีจนได้รับบาดเจ็บ
สำหรับอาการของลุงคนเจ็บ ตอนนี้แพทย์ยังรอดูอาการอีกสักระยะ หลังจากนี้เมื่อผลแพทย์ออกแล้วจะนำมาประกอบสำนวนเพื่อดำเนินคดี ยืนยันไม่หนักใจ ไม่ว่าจะเป็นใครไม่สามารถอยู่เหนือกฎหมายได้