เจ้าอาวาสวัดสมานรัตนาราม ขอสังคมและนายจ้างให้โอกาส "พ่อแม่" หลังนำลูกมาวางทิ้งไว้ที่หน้าวัด หวั่นมีผลกระทบกับเด็ก เชื่อทั้งคู่ยังคงมีความรับผิดชอบอยู่

จากเหตุการณ์ที่สามีภรรยาคู่หนึ่งได้ขับรถกระบะมาจอดบริเวณซุ้มทางเข้าวัดสมานรัตนาราม ต.บางแก้ว อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อวางเด็กน้อยทารกทิ้งไว้ที่บริเวณองค์หลังท้าวเวสสุวรรณ ก่อนจะขับรถออกไป โดยเหตุเกิดเมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 25 ก.พ. 68 ที่ผ่านมา ซึ่งสร้างความหดหู่ใจให้กับผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก จากนั้นช่วงเย็นของวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทรา สืบทราบจนรู้ว่าพ่อแม่เด็กคือใคร จึงตามไปควบคุมตัวได้ที่ห้องเช่าแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.สนามจันทร์ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อนำกลับมาสืบสวนก่อนส่งต่อพนักงานสอบสวน ขณะที่ทางเจ้าอาวาสได้ ดังที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น  (รวบแล้ว พ่อจอดกระบะทิ้งลูกชายทารก หน้าวัดสมานรัตนาราม รับสารภาพคิดน้อยเกินไป)

ล่าสุดช่วงสายวันนี้ (26 ก.พ. 68) ที่บริเวณซุ้มประตูทางเข้าวัดสมานรัตนาราม ต.บางแก้ว อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา พระราชวชิรประชานาถ เจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทรา (ธรรมยุต) เจ้าอาวาสวัดสมานรัตนาราม เดินทางออกมากราบไหว้ 2 ท้าวเวสสุวรรณ ที่ตั้งอยู่หน้าซุ้มทางเข้าวัด ก่อนเปิดเผยว่า ตอนนี้ "น้องมีบุญ" อยู่ในความดูแลตามขั้นตอนของบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดฉะเชิงเทรา แต่ยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพุทธโสธร คาดว่าอีก 2-3 วัน น่าจะออกจากโรงพยาบาลได้

...

ซึ่งเมื่อวานนี้ ตายายของน้องมีบุญ ได้เดินทางมาที่วัดเพื่อคุยกัน ซึ่งตายายที่เพิ่งทราบข่าวก็รีบเดินทางมา พร้อมแสดงเจตนารมณ์ว่าต้องการรับหลานกลับไปดูแล เรื่องนี้ได้มีการพูดคุยกันและตกลงกันว่า จะเป็นผู้ปกครองร่วม ระหว่างตัวเจ้าอาวาสและพ่อแม่ของเด็ก เพราะได้กำชับตายายของเด็กไปว่า หากขาดเหลืออะไรหรือดูแลไม่ไหว ให้นึกถึงเจ้าอาวาสเป็นคนแรกในการช่วยเหลือ และวัดเองจะเข้าไปดูแลทุกเรื่อง และสอดส่องเรื่องความเป็นอยู่ของน้องมีบุญตลอดไป  

ส่วนประเด็นกระแสข่าว ที่พ่อแม่ของน้องมีบุญ จะถูกไล่ออกจากงานนั้น ตนเองอยากให้สังคมและนายจ้างให้โอกาสพ่อแม่ของเด็ก หากไล่ออกจากงานแล้ว หรือพ่อแม่เด็กไปหาสมัครงานใหม่ แล้วไม่มีคนรับ ภาระต่างๆ จะตกไปอยู่กับครอบครัวนี้เป็นอย่างมาก อยากให้สังคมให้โอกาสและเปิดใจ อย่าเอาสะใจ เพราะผลกรรมตามการกระทำจะมาตกที่น้องมีบุญ

ตนเองก็ยังมองว่า พ่อแม่เด็กยังพอมีความรับผิดชอบอยู่บ้าง โดยแม่เด็กตั้งท้องมา 9 เดือนจนคลอดน้องมีบุญออกมา แต่ด้วยความตกใจทำอะไรไม่ถูก จึงนำมาวางทิ้งไว้ ซึ่งตนเองมีความเชื่อว่า ท้าวเวสสุวรรณบริเวณจุดนี้ศักดิ์สิทธิ์ ดลใจให้พ่อแม่เด็กมาวางไว้ด้านหลังตรงนี้ ซึ่งมีคนพลุกพล่าน หากพ่อแม่เด็กคิดไม่ดี ตัดสินใจผิดพลาด หัวท้ายถนนนี้เป็นสะพานข้ามเขื่อนทดน้ำบางปะกง ก็อาจเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นได้ แต่พ่อแม่เด็กยังตัดสินใจวางไว้ตรงนี้ เพื่อให้น้องมีบุญได้มีชีวิตอยู่ต่อไป จึงอยากให้สังคมเปิดโอกาสและให้โอกาสพ่อแม่น้องมีบุญ

พระราชวชิรประชานาถ เปิดเผยต่อว่า ตอนแรกยังไม่รู้ว่าพ่อแม่เด็กคือใคร เลยตั้งชื่อจริงให้ว่า รชต และใช้นามสกุลตนเองคือมหาวิริโยทัย แต่พอดูแล้วน้องเกิดวันอังคารไม่ใช่วันจันทร์ ประกอบตามพ่อแม่เด็กเจอ จึงตั้งชื่อจริงน้องมีบุญว่า ด.ช. พชร สีหล้า ซึ่ง พชร ที่แปลว่า เพชร และให้ตาของน้องมีบุญไปแจ้งจดชื่อที่อำเภอในวันนี้

ขณะที่ในส่วนของคดีความ ร.ต.ท.ณวัฐปกรณ์ คุณัชญาศิรัณ รอง.สว.(สอบสวน) สภ.เมืองฉะเชิงเทรา เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ได้ทำการสอบสวนพ่อของเด็ก และได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า ผู้ใดทอดทิ้งเด็กอายุยังไม่เกิน 9 ปีไว้ ณ ที่ใด เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ก่อนจะปล่อยตัวไป ส่วนแม่เด็กหลังออกจากโรงพยาบาลแล้ว จะแจ้งข้อหาเดียวกัน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป