นายกอบจ.อ่างทอง ลาออกเป็นจังหวัดที่ 3 พร้อมกับ "บิ๊กแจ๊ส-พล.ต.อ.สมศักดิ์" นายกอบจ.ปทุมธานี และนครสวรรค์ อ้างทำเพื่อประชาชน ลาออกแล้วลงสมัครใหม่ หากได้รับเลือกตั้งกลับมาในเดือนก.ค. ก็สามารถเบิกจ่ายงบประมาณช่วยเหลือประชาชนเนื่องจากน้ำท่วมได้ทัน 

วันที่ 3 พ.ค. 67 ที่อบจ.อ่างทอง ตำบลป่างิ้ว อำเภอเมืองอ่างทอง นายสุรเชษ นิ่มกุล นายกอบจ.อ่างทอง ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว หลังมีข่าวไปร่วมรับประทานอาหารร่วมกับ พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง หรือนายกแจ๊ส นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี และ พล.ต.อ.สมศักดิ์ จันทะพิงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งทั้งสองได้ยื่นลาออกจากตำแหน่งไปแล้ว ถึงเรื่องการประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกอบจ.พร้อมกัน ว่าไม่มีนัยสำคัญอะไร และนายกแจ๊สกับตนก็อยู่คนละพรรค การสมัครลงเลือกตั้ง นายกอบจ.เป็นการลงสมัครส่วนตัว ซึ่งทั้งหมดมีความเห็นตรงกันว่า อยากจะออกมาช่วยเหลือประชาชนในเรื่องของสถานการณ์อุทกภัย  

ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า 3 จังหวัด ทั้งนครสวรรค์ต้นน้ำ อ่างทองกลางน้ำ และปทุมธานีปลายน้ำ จะต้องรับมือกับปัญหาน้ำท่วมทุกปี หากลาออกตามแล้ว พ.ร.บ.เลือกตั้ง หลังจากเลือกตั้งเสร็จในเดือนกรกฎาคม ถ้าตนได้รับเลือกตั้งกลับมาเป็น นายกอบจ. อีกครั้ง ก็จะสามารถดำเนินการวางแผนช่วยเหลือชาวบ้านได้อย่างทันท่วงทีในทุกๆ เรื่อง ส่วนกรณีจะถูกร้องเรียนคิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นแน่นอน เพราะทำไปด้วยความเป็นห่วงชาวบ้านในพื้นที่ โดยได้ไปยื่นหนังสือลาออกที่ศาลากลางจังหวัดอ่างทองในช่วงเช้าที่ผ่านมา รอเพียงผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง ลงนามอนุมัติ

...

หลังจากให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเสร็จ นายสุรเชษ ได้เดินทางลงมาที่ห้องโถงชั้นล่างขององค์การบริหารส่วนจังหวัดอ่างทอง โดยมีข้าราชการ เจ้าหน้าที่และพนักงาน รวมตัวมาให้กำลังใจและมอบดอกกุหลาบกันอย่างล้นหลาม บางรายถึงกับหลั่งน้ำตาโผเข้ากอดนายสุรเชษ รอส่ง นายสุรเชษ พร้อมคณะ ขึ้นรถยนต์ส่วนตัวเดินทางออกจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดอ่างทอง

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2567 มีภาพ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี ได้หารือร่วมกับ พล.ต.อ.สมศักดิ์ จันทะพิงค์ นายกอบจ.นครสวรรค์ และนายสุรเชษ นิ่มกุล นายก อบจ.อ่างทอง 3 นายกอบจ.ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดนครสวรรค์ต้นน้ำ จังหวัดอ่างทองกลางน้ำ และจังหวัดปทุมธานีปลายน้ำ ปรึกษาหารือก่อนที่จะตัดสินใจร่วมกันลาออกจากตำแหน่งนายกอบจ. เนื่องจากเป็นห่วงในเรื่องของการบริหารจัดการน้ำที่ทำมาตลอดและหวั่นว่าปีนี้น้ำจะมีปริมาณมากกว่าปีที่ผ่านมา หากอยู่ในห้วงเวลาของกฎหมายการเลือกตั้งจะขับเคลื่อนงานต่างๆ ได้ไม่มีประสิทธิภาพ ผลเสียจะตกอยู่กับประชาชน เพราะอยู่ในช่วงก่อนเลือกตั้งอบจ.ไม่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้ อีกทั้งยังต้องการเป็นกลางทางการเมือง ช่วงใกล้เลือกตั้งสว.