รมว.อุตสาหกรรมลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าไฟไหม้โกดังสารเคมี ใน อ.ภาชี สั่งเร่งดับไฟ มั่นใจไฟที่เหลือ 2 จุดน่าจะควบคุมได้เย็นนี้ จากนั้นจะดำเนินการขนย้ายออกไป ด้าน ผวจ.ร่วมประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คาดสารทั้ง 5 โกดังจะกำจัดได้เสร็จภายใน ก.ย.-ต.ค. 67 นี้ แต่ยังหวั่นจะเกิดไฟไหม้ซ้ำ
วันที่ 2 พ.ค. 67 นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมนายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผวจ.พระนครศรีอยุธยา และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าไฟไหม้โกดังเก็บสารเคมีของกลาง ในพื้นที่ อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา สั่งการให้รีบดำเนินการดับไฟที่เหลือ 2 จุดให้แล้วเสร็จ โดยได้ประสานขอรถแบ็กโฮ จากองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มาสร้างคันดินเพื่อป้องกันการรั่วไหลของสารเคมีลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ โยกงบประมาณการดำเนินการกำจัดสารเคมีเพิ่มเติม เพื่อเร่งดำเนินการขนย้ายสารเคมีของกลางทั้งหมดออกจากพื้นที่ให้เร็วที่สุด
นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กรมโรงงานอุตสาหกรรมจะเร่งดำเนินการขนย้ายสารเคมีทั้ง 5 โกดังออกโดยเร็วที่สุด และวางแนวทางในการเฝ้าระวังไม่ให้เกิดเหตุเพลิงไหม้สารเคมีซ้ำ ส่วนประชาชนที่ได้รับผลกระทบและได้อพยพออกจากพื้นที่ไปที่โรงพยาบาลสนามวัดโคกม่วงนั้น ขณะนี้เหลือ เพียง 4 รายที่เป็นผู้สูงอายุ และได้ประสานรถตรวจสอบคุณภาพอากาศมาตรวจวัดคุณภาพอากาศที่หน้าโรงพยาบาลภาชี และส่งเจ้าหน้าที่เดินเท้าลงพูดคุยกับประชาชน ในรัศมี 3 กิโลเมตร ซึ่งการดับเพลิงที่มีกลุ่มความร้อนขณะนี้ เหลือเพียง 2 จุด คาดว่า ภายในเย็นนี้จะสามารถดำเนินการแล้วเสร็จ ซึ่งปัญหาสำคัญที่เป็นห่วงคือสภาพอาคารที่เก่า อาจเกิดการถล่มลงมาได้ จะทำให้เกิดความเสียหายและเกิดอันตรายกับนักผจญเพลิงได้
...
ผู้สื่อข่าวรายงาน ก่อนหน้านั้น เวลา 11.00 น. ที่สำนักงานเทศบาลตำบลภาชี นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผวจ.พระนครศรีอยุธยา เป็นประธานการประชุมติดตามการแก้ไขปัญหาโกดังเก็บสารเคมีลักลอบผิดกฎหมายในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมี นายไพรัตน์ เพชรยวน รองผวจ.พระนครศรีอยุธยา นางสมทรง พันธ์เจริญวรกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา กรมโรงงานอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม เป็นการหารือแนวทางในการกำจัดสารเคมีทั้ง 4,000 ตัน ที่อยู่ภายในโกดัง ซึ่งสารเคมีดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบของ บก.ปทส. กรมโรงงานอุตสาหกรรม และเจ้าของโกดัง
นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร เปิดเผยหลังการประชุม ว่าแผนการดำเนินงานเคลื่อนย้ายสารเคมีจากการที่ได้ประชุมหาทางออกร่วมกัน มีแนวทางคือเตรียมกำจัดสารเคมีของกลางที่อยู่ในโกดัง ที่ 1-3 ก่อน โดยจะนำออกไปเข้าสู่กระบวนการบำบัด ส่วนในโกดังที่ 4 และ 5 ที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ หลังจากเพลิงสงบจะเข้าไปตรวจและจำแนกประเภทของสารเคมี เพื่อวางแนวทางหาผู้เชี่ยวชาญมาดำเนินการกำจัดต่อไป ซึ่งจะเริ่มกระบวนการตั้งแต่เดือนมิถุนายน และดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน ถึง ตุลาคม 2567 ทั้งนี้ ทางจังหวัดฯ มีข้อกังวลในการเฝ้าระวังไม่ให้เกิดไฟไหม้ซ้ำ