พระเลขาวัดชนะสงสารพิทยาธร ผู้ต้องสงสัยฉกเงิน 5 แสน จากตู้เซฟวัดในต.คลองนครเนื่องเขต ฉะเชิงเทรา ชิ่งหนีไปแล้ว พบภาพแอบออกมาตอนเช้ามืด ขึ้นรถไปพร้อมโยมพ่อ ทิ้งสามเณรที่เลี้ยงดูส่งเสีย ให้เงิน ซื้อไอโฟนให้ กับหนุ่ม LGBT ไว้ที่กุฏิ ชาวบ้านครึ่งหมู่บ้านวางแผนตามจับ เห็นพระขึ้นรถหนี ขับตามไปกว่า 10 กม. ก่อนคลาดกัน พบพระแสบก่อนหนีเปลี่ยนรหัสเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดบางส่วน

จากเหตุการณ์ที่ นายวิรัช เพ็ญโฉม ส.อบจ.เขตอำเภอเมืองฉะเชิงเทรา และเป็นไวยาวัจกรวัดชนะสงสารพิทยาธร ม.7 ต.คลองนครเนื่องเขต อ.เมืองฉะเชิงเทรา พบว่า เงินสดที่อยู่ในเซฟ ภายในกุฏิพระอธิการธวัฒน์ ฐานะธัมโม เจ้าอาวาสวัดได้หายไป จำนวน 5 แสนบาท ไม่มีร่องรอยการงัดแงะ แถมกล้องวงจรปิดหน้ากุฏิเสีย โดยมีการแจ้งความเอาไว้เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา ทำให้ชาวบ้านและคณะกรรมการวัดได้พูดคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกันไปต่างๆ นานา ระบุว่าต้องเป็นคนในวัดที่เอาไป จนมีการจัดยามเป็นชาวบ้านเฝ้าคนเข้าออกวัดตั้งแต่คืนวันที่ 27 เมษายน นั้น 

ล่าสุดช่วงเช้ามืด ประมาณ ตี 5 วันที่ 30 เมษายน 2567 ภาพจากกล้องวงจรปิดภายในวัดบางเซิร์ฟเวอร์ที่ยังใช้ได้ เห็นว่ามีรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ทำทีขับเข้ามาจอดในวัด ก่อนจะรับโยมพ่อของพระเสริมวิทย์ เลขาเจ้าอาวาส ที่รออยู่ที่ร้านค้า แล้ววนเข้ามาด้านหลังวัดเพื่อมารับพระเสริมวิทย์ออกไป โดยเรื่องนี้ นายชวลิต  คฤหเดช อายุ 41 ปี กรรมการวัด เปิดเผยบุคคลที่ชาวบ้านสงสัย (ขโมยเงิน 5 แสน) ได้หนีหายออกไปจากวัดแล้ว และจากการตรวจสอบภายในกุฏิพระเสริมวิทย์ พบว่าของมีค่าและเงินสด พระเสริมวิทย์ได้นำติดตัวออกไปด้วย โดยทิ้งสามเณรธนากร จงจิระ อายุ 20 ปี และหนุ่ม LGBT วัย 15 ปี ที่เพิ่งรับมาจากจังหวัดสุโขทัยนอนอยู่ที่กุฏิ และไม่ทราบเรื่องว่าพระเสริมวิทย์หนีไป ชาวบ้านจึงช่วยกันเค้นสอบถามจนสามเณรธนากรยอมรับว่าตนเองก็ได้เงินจากพระมาโดยตลอด แต่ก็ไม่รู้ที่มาของเงิน

...

นายชวลิต กรรมการวัด เปิดเผยว่า พวกตนทราบถึงพฤติกรรมของพระเสริมวิทย์มาสักระยะแล้ว ชอบยืมเงินชาวบ้านรอบๆ วัด ครั้งละเป็นหมื่นนำมาใช้จ่าย แถมตอนไปรับหนุ่ม LGBT มาจากจังหวัดสุโขทัยก็ยืมรถญาติโยมไปรับจนรถพัง เสียเงินค่าซ่อมไป 90,000 บาท หนำซ้ำยังซื้อโทรศัพท์มือถือไอโฟนให้สาณเณรก่อนหน้านี้ ซึ่งล่าสุดก่อนที่ชาวบ้านจะมาทราบว่าเงินหายไป พระเสริมวิทย์ก็เพิ่งจะซื้อไอโฟน 15 มาใหม่ แถมซื้อแหวนทองมาเก็บไว้ นอกจากนี้ตัวพระเสริมวิทย์เอง ยังเป็น 1 ใน 4 ที่ถือกุญแจเซฟเอาไว้ และเป็นคนดูแลกล้องวงจรปิดของทางวัด เข้าออกกุฏิเจ้าอาวาสมาโดยตลอด แต่พวกตนเองก็ไม่มีหลักฐาน ได้แต่ให้ข้อมูลเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนไป จนเมื่อวานนี้ชุดสืบสวน ได้เชิญตัวสามเณร และหนุ่มวัย 15 ไปสอบสวน ก่อนจะกลับมาช่วงหัวค่ำและพระเสริมวิทย์ก็ให้เด็กทั้งสองเข้าไปพูดคุยในกุฏิอยู่นานจนดึกก่อนจะปล่อยตัวเด็กทั้งสองกลับเข้ากุฏิห้องพัก พวกตนเองเห็นท่าไม่ดีจึงเกณฑ์ชาวบ้านในตำบลมานอนในกุฏิเจ้าอาวาส และรอบๆ วัด เพื่อเฝ้าดูพฤติกรรมของพระเสริมวิทย์ แต่พระเสริมวิทย์ดูความเคลื่อนไหวชาวบ้านได้จากวงจรปิดในกุฏิ กระทั่งชาวบ้านบางส่วนได้แยกย้ายกันกลับไปเพื่อเตรียมสลับสับเปลี่ยน จนรุ่งเช้าเวลาตี 5 พระเสริมวิทย์ได้ออกมาจากกุฏิ ขี่รถไฟฟ้านำโยมพ่อของพระเสริมวิทย์ ที่มานอนกับพระลูกชายไปที่ร้านค้า ซึ่งปกติแล้วพระเสริมวิทย์ก็จะออกไปร้านค้าช่วงเช้ามืดเป็นประจำ พวกตนก็ยืนมองอยู่เห็นพระสวมแค่อังสะ ก็คิดว่าคงไม่ไปไหนไกล ก่อนพระจะขี่รถกลับเข้ามาปล่อยโยมพ่อทิ้งไว้ที่ร้านค้า จากนั้นรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์สีขาวก็ขับสวนพระเสริมวิทย์ที่ขับรถไฟฟ้า แล้วออกไปรับโยมพ่อหน้าร้านค้า ก่อนจะวนรถกลับมารอด้านหลังวัด ตอนนั้นเองพระเสริมวิทย์ก็เดินผ่านกุฏิพระทักทายยามเช้า เหมือนไม่ได้หนีไปไหน ก่อนจะหายไปหลังเมรุเพื่อไปขึ้นรถ

ส่วนกล้องวงจรปิดของทางวัดถูกพระเสริมวิทย์ชักออกและเปลี่ยนรหัส เหมือนวางแผนช่องทางที่จะหนี พวกตนเองตอนแรกไม่รู้ว่า รถฟอร์จูนเนอร์จะไปจอดรอหลังวัด แต่เห็นพระเดินหายไปนาน จึงออกไปดูก็พบว่าพระเสริมวิทย์กำลังขึ้นรถ จึงได้วิ่งตามแต่ไม่ทันรีบวิ่งมาบอกชาวบ้าน บางส่วนได้ขี่รถจักรยานยนต์ไล่ตาม บางส่วนขับรถเก๋งไล่ตามไปจนถึงแยกไฟแดงคลองเจ้า ก่อนจะคลาดกันทำให้พระเสริมวิทย์หนีไปได้ ส่วนเงินที่ต้องมาจ่ายค่าแรงคนงาน คณะกรรมการได้ประชุมและจะไปเบิกมาตามจำนวนของค่าแรงที่ต้องจ่ายต่อไป

ขณะที่สามเณรกร เปิดเผยว่า พระเสริมวิทย์มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ แต่ไม่เคยทำอะไรพวกตน เพียงแต่อยากจะอยู่ใกล้ๆ พวกตน ชอบเลี้ยงดูแล เคยให้เงินครั้งละเป็นแสนก่อนหน้านี้ ซื้อโทรศัพท์ให้ ล่าสุดให้เงินสดตนมา 4 หมื่นบาท ก็ไม่รู้ว่าพระเอาเงินจากไหนมาให้ จนเงินที่วัดหายและเป็นข่าว จึงพอทราบแล้วว่าเงินที่พระเสริมวิทย์เอามาให้คงเป็นเงินของวัด แต่ตอนนั้นรู้สึกกลัวและไม่รู้จะทำอย่างไร จึงไม่กล้าบอกใคร ก่อนจะมารู้ช่วงเช้าว่าพระเสริมวิทย์ทิ้งตนไปแล้ว

ด้านพระอธิการธวัฒน์ ฐานะธัมโม เจ้าอาวาสวัดชนะสงสารพิทยาธร เปิดเผยว่า ตนเคยปรามเคยเตือน พระเสริมวิทย์ เป็นผู้ถือกุญแจ เงินหรืออะไรที่หายไปอันดับแรกจะตกอยู่กับพระ ให้คิดไตร่ตรองให้ดีๆ ซึ่งก็รู้สึกเสียใจเพราะเป็นคนใกล้ตัว อยู่ด้วยกัน ฉันด้วยกัน ไม่น่าจะมาทำแบบนี้