พรานคู่หูชวนกันเข้าไป "ต่อไก่ป่า" บนเขา ถึงเวลากลับ ทางบ้านติดต่อไม่ได้ ออกตามหาเจอนอนตายบนโขดหิน มีรอยกระสุนเจาะกลางอก "ไก่ต่อ" ไม่หนี เฝ้าศพเจ้าของทั้งคืน สันนิษฐานปืนลั่นใส่ตัวเอง ญาตินิมนต์พระเชิญวิญญาณ ขณะทำพิธีมีเสียงร้องระงมจากสิงสาราสัตว์ ที่ขนลุกคือเสียงคล้ายคนเจ็บปวดทรมานกรีดร้องโหยหวน ต้องรีบเผ่นลงจากเขา
เวลา 02.30 น. วันที่ 18 ม.ค. 2567 ร.ต.อ.คัชรัส โสมนัส รอง สว.(สอบสวน) สภ.โคกตูม อ.เมือง จ.ลพบุรี ได้รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตจากอาวุธปืนบนยอดเขาเตี้ย ซอย 5 สายเอก หมู่ 5 ต.โคกตูม รอยต่อ อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี จึงรายงานให้ พ.ต.อ.นิวัฒน์ การสิทธิ์ ผกก.สภ.โคกตูม รับทราบ พร้อมได้ประสานตำรวจงานสืบสวน ภ.จว.ลพบุรี ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูร่วมเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นรอยต่อก้ำกึ่งไม่สามารถชี้ชัดว่าเป็นพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.ใด ระหว่าง สภ.โคกตูม ลพบุรี กับสภ.พระพุทธบาท สระบุรี ไม่สะดวกต่อการเข้าพื้นที่ จึงรอให้ฟ้าสาง และสอบถามเจ้าหน้าที่ที่ดินถึงเขตพื้นที่รับผิดชอบ
จนรุ่งเช้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โคกตูม ได้เข้าไปที่เกิดเหตุที่อยู่บนเนิน ต้องเดินเท้า ปีนป่ายเขาขึ้นไปยังจุดเกิดเหตุ โขดหินใต้ต้นไม้ใหญ่พบร่าง นายประพันธ์ พงษ์เที่ยง อายุ 54 ปี สภาพศพนอนตะแคงขวา สวมเสื้อแขนยาวสีเขียว กางเกงลายพราง สวมหมวกไหมพรม สะพายเป้ที่ไหล่ซ้าย กระเป๋าคาดเอวสีดำ บนโขดหินพบหยดเลือดไหลลงมาที่พื้นดิน มีอาวุธปืนลูกซองยาว 1 กระบอกตกอยู่ที่โคนต้นไม้ และมีไก่ป่าเพศผู้ 1 ตัว เดินวนเวียนอยู่ใกล้ศพไม่ยอมห่าง แม้ว่าจะไม่ได้มัดไว้
จากการสอบถาม นายอำนาจ พงษ์เที่ยง อายุ 23 ปี บุตรชายคนตาย ที่เดินทางมาพร้อมยญาติ เล่าว่า พ่อออกมาจากบ้านตั้งแต่เช้าของวันที่ 17 ม.ค. โดยมากับ นายสงวน พงศ์ลัดดา อายุ 67 ปี พรานป่าคู่หูของพ่อเพื่อมาล่าสัตว์ป่า ต่อไก่ป่า หาผึ้ง ซึ่งทั้งคู่ได้มาบริเวณนี้ประจำเนื่องจากเป็นเชิงเขามีสัตว์ป่าชุกชุม จนเวลา 18.30 น. นายสงวน ได้โทรมาบอกตนว่าติดต่อพ่อไม่ได้ พยายามตามหาจนทั่วก็ไม่เจอ เกรงจะเกิดเหตุร้าย ตนและญาติจึงได้ประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ จาก จ.สระบุรี และ จ.ลพบุรี ออกติดตามค้นหา จนเวลา 01.45 น. ของวันที่ 18 ม.ค. ก็เจอศพพ่ออยู่บนโขดหิน ต้องนั่งเฝ้าศพจนเช้าเพื่อรอเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบพิสูจน์การตาย
...
เบื้องต้น พ.ต.อ.นิวัฒน์ การสิทธิ์ ผกก.สภ.โคกตูม ซึ่งลงพื้นที่ร่วมตรวจสอบ และร่วมชันสูตรพลิกศพ พบนายประพันธ์ ผู้ตาย ถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองเข้าที่กลางหน้าอก กระสุนตุงที่หลัง จากการตรวจอาวุธปืนพบว่าปืนถูกยิงออกจากลำกล้องปืนแล้ว มีปลอกกระสุนปืนในลำกล้องคาอยู่ ที่มือขวามีรอยไหม้ และคราบเขม่าปืน สันนิษฐานว่านายประพันธ์อาจขึ้นนกปืนไว้ และจับปลายลำกล้องปืนประคองตัวขณะเดินบนโขดหิน แล้วกระแทกจนปืนลั่นใส่อกตัวเองดังกล่าว ซึ่งญาติไม่ได้ติดใจนายสงวนพรานคู่ใจ เนื่องจากทั้งคู่รักใคร่กันดี และเป็นเครือญาติกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำร่างส่งพิสูจน์ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์
ในช่วงที่นำร่างลงจากจุดเกิดเหตุ ญาติได้นิมนต์พระสงฆ์มาเชิญวิญญาณนายประพันธ์กลับบ้าน โดยมีเครื่องเซ่นไหว้ ตุ๊กตาตัวแทนนายประพันธ์มาวางบนจุดที่ตาย ซึ่งขณะกำลังสวด จู่ๆ ได้มีผึ้ง ตัวต่อ แมลงต่างๆ บินว่อนรอบพระ พร้อมด้วยเสียงร้องระงมจากสิงสาราสัตว์ร้องดังพร้อมๆ กัน พร้อมเสียงหวีดร้องโหยหวนคล้ายเสียงคนเจ็บปวดทรมานชวนขนลุกดังก้องเขา ถาดน้ำมนต์ตกหกกระจาย จนลูกหลานนายประพันธ์ต่างเขยิบเข้าหากัน และพูดขึ้นว่า "ขนลุกเลย" ก่อนที่ทั้งพระลูกหลานคนตาย พร้อมผู้สื่อข่าวต่างรีบลงจากจุดเกิดเหตุ โดยพระกำชับว่า "อย่าหันหลังกลับไปมอง".