"สะพานมอญ" ชำรุดหลายจุด ต้องซ่อมครั้งใหญ่ แต่ยังไร้งบ-แหล่งไม้ จ่อลดนักท่องเที่ยวผ่อนน้ำหนักบนสะพาน พร้อมเล็งสร้างสะพานลูกบวบลดความแออัดให้ทันปีใหม่

เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (20 พ.ย.) นายสุทธิพร ศิวเวทพิกุล นายอำเภอสังขละบุรี พร้อมด้วย พระมหาสุชาติ สิริปัญโญ เจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการาม นำ นายภักดี หาญพัฒนะนุสรณ์ วิศวกรโยธาชำนาญพิเศษ สำนักงานโยธาธิการและผังเมือง สำนักงานโยธาธิการ จังหวัดกาญจนบุรี ผู้อำนวยการกองช่างเทศบาลตำบลวังกะ ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า ตชด.134 ลงพื้นที่ตรวจสอบสะพานไม้อุตตมานุสรณ์ หรือ "สะพานมอญ" หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 4.0 ริกเตอร์ เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 19 พ.ย. ที่ผ่านมา ในพื้นที่ ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า เสาสะพานส่วนใหญ่เริ่มชำรุด บางต้นเริ่มผุตามการเวลา นอตและตะปูเริ่มขึ้นสนิมและผุกร่อนตามกาลเวลา ไม้แกงแนงซึ่งเป็นส่วนสำคัญเริ่มมีร่องรอยการแตกและหักบางส่วน ซึ่งส่งผลต่อความแข็งแรงของโครงสร้างสะพาน ขณะที่ในส่วนของพื้นไม้ที่ปูเป็นทางเดิน พบว่าบางช่วงมีการผุและหลุดหายไป ส่วนตะปูที่ใช้ตอกยึดเริ่มสั่นคลอนและหลุดหายไปในบางช่วง ซึ่งหากต้องมีการซ่อมครั้งใหญ่ ต้องใช้งบประมาณเป็นจำนวนมาก ซึ่งปัจจุบันวัดวังก์วิเวการาม มีสถานะเป็นเจ้าของและยังไม่มีงบประมาณดำเนินการ รวมทั้งไม้ที่จะนำมาซ่อมต้องใช้จำนวนมาก ซึ่งแหล่งที่จะหามานั้น ยังเป็นอีกปัญหาที่ค่อนข้างท้าทาย

...

โดย นายภักดี หาญพัฒนะนุสรณ์ วิศวกรโยธาชำนาญการ เปิดเผยว่า เดิมทีสะพานถูกสร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์สำหรับการสัญจร ซึ่งในอดีตจำนวนผู้สัญจรไม่ได้มากนัก ขณะที่ปัจจุบันสะพานกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาวันละนับร้อยคน โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญและวันหยุดนักขัตฤกษ์ จะเพิ่มจำนวนนับพันคนต่อวัน ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวทุกคนจะมายืนออกันอยู่บนสะพาน ทำให้สะพานต้องรองรับน้ำหนักจำนวนมา เมื่อเวลาผ่านไปจึงเริ่มส่งผลต่อโครงสร้างสะพาน ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย จึงจำเป็นต้องมีการควบคุมจำนวนคน ที่จะมาเดินหรือยืนอยู่บนสะพาน ซึ่งจำนวนที่เหมาะสมอาจจะอยู่ที่ 400 คน หรือหากเป็นไปได้ก็ควรมีจำนวนที่น้อยกว่า ส่วนโครงสร้างสะพานที่จำเป็นต้องเปลี่ยนนั้น คาดว่าคงเริ่มตั้งแต่ส่วนของเสาสะพานทั้งหมด

ขณะที่ นายสุทธิพร ศิวเวทพิกุล นายอำเภอสังขละบุรี เปิดเผยว่า อ.สังขละบุรีจำเป็นต้องใช้มาตรการควบคุมจำนวนนักท่องเที่ยว ที่จะเดินทางมาบนสะพานในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้ โดยจะจัดระเบียบให้ลงเดินเป็นรอบ รอบละไม่เกิน 400 คน เพื่อความปลอดภัย โดยจะดำเนินการร่วมกับฝ่ายตำรวจ ทหาร เทศบาลตำบลวังกะ และฝ่ายปกครอง ที่สำคัญจะขอความช่วยเหลือจากเทศบาลตำบลวังกะ จัดสรรงบประมาณในการสร้างสะพานลูกบวบขึ้นมา เพื่อให้เป็นทางเลือก และช่วยลดความแออัดของนักท่องเที่ยวบนสะพาน ซึ่งจะพยายามทำให้ทันใช้งานในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ ซึ่งหากทำได้จะกลายเป็นจุดขายทางการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ซึ่งในอดีตทางวัดวังก์วิเวการามเคยสร้างสะพานลูกบวบขึ้นมา เพื่อลดปัญหาการสัญจรให้กับประชาชนในพื้นที่ในช่วงการซ่อมสะพาน จนกลายเป็นที่สนใจและดึงดูดนักท่องเที่ยว จนกลายเป็นกระแสเที่ยวชมสะพานมอญมาจนถึงทุกวันนี้

ด้าน น.ส อรัญญา เจริญหงษ์ษา รองนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลวังกะ และคณะกรรมการวัดวังก์วิเวการาม กล่าวว่า วันนี้สะพานมีอายุกว่า 37 ปี ทำให้มีความเสื่อมโทรม เสียหายตามกาลเวลา โดยเฉพาะในส่วนของเสาสะพาน เนื่อง จากการซ่อมสะพานครั้งล่าสุดซ่อมในปี 2556 มีการเปลี่ยนเสาใหม่แค่ในส่วนที่ถูกน้ำป่าทำลาย (ประมาณ 70 เมตร) ส่วนเสาที่เหลือส่วนใหญ่เป็นเสาเดิมตั้งแต่เริ่มสร้างสะพาน อีกส่วนเป็นพื้นสะพานที่เริ่มผุและตะปูเริ่มหลวม ที่สำคัญไม้ที่นำมาใช้ในการซ่อมสะพานครั้งนั้น เป็นไม้ที่ไม่ได้ขนาดและเนื้อไม้ยังไม่แข็งพอ ส่งผลให้อายุการใช้งานสั้น ทำให้มีความจำเป็นต้องซ่อมใหญ่ ที่ผ่านมาแม้ทางวัดต้องการยกสะพานให้อยู่ภายใต้การดูแลของส่วนราชการแต่ก็ยังรู้สึกกังวล เกรงอนาคตหน่วยงานที่รับไปดูแล จะเปลี่ยนแปลงรูปแบบสะพานจากไม้ไปเป็นอย่างอื่น ซึ่งหากเปลี่ยนไปจะส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่แน่นอน ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกวันนี้สะพานไม้เป็นแม่เหล็กสำคัญ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วทุกสารทิศให้เดินทางมาท่องเที่ยวในพื้นที่ อ.สังขละบุรี จนการท่องเที่ยวเป็นรายได้หลักของคนที่นี่ไปแล้ว

...

"การซ่อมครั้งใหญ่ที่กำลังจะมาถึง พระมหาสุชาติ สิริปัญโญ และคณะกรรมการวัด ต้องการให้ประชาชนทั่วไปมีส่วนร่วม โดยเฉพาะผู้ประกอบการในพื้นที่ และยังคงดำเนินการร่วมกับส่วนราชการ หน่วยงานในและนอกพื้นที่ รวมทั้งภาคเอกชน ประชาชนที่มีจิตศรัทธา ขณะที่ในอนาคตวัดมีแผนปลูกป่า (ไม้แดง) ซึ่งเป็นโครงการที่วัดจะทำร่วมกับส่วนราชการ เอกชน และประชาชนในพื้นที่ โดยใช้พื้นที่ของวัดที่ยังมีพื้นที่อีก 100-200 ไร่ เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนไม้แดงในการนำมาซ่อมสะพานฯ" รองนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลวังกะ กล่าว.