มูลนิธิเป็นหนึ่ง ร่วมกับบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดฉะเชิงเทรา เข้าช่วยเหลือนำตัวเด็กหญิงลูกครึ่งไทย-ไนจีเรีย วัยขวบเศษ ออกมาจากบ้านของเจ้าหนี้แม่ของเด็ก หลังแม่ถูกบังคับไปทำงานต่างประเทศ เพื่อนำเงินมาใช้หนี้ และค่าเลี้ยงดูลูกสาว แต่แม่เด็กไม่ได้ส่งเงินมา เจ้าหนี้ขู่จะเอาลูกไปให้ชาวกัมพูชาเลี้ยง กว่าจะได้ตัวเด็กออกมาเกิดการปะทะคารมกันหลายรอบ

เวลา 19.00 น. วันที่ 16 พ.ย. 66 น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือ ต้นอ้อ จากมูลนิธิเป็นหนึ่ง พร้อมด้วยว่าที่ ร.ต.ศิรพงศ์ โภคินวงศ์หิรัญ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดฉะเชิงเทรา น.ส.ศิริพร คงงาม อายุ 37 ปี และ น.ส.มัณฑิตา พงษ์สมทบ อายุ 20 ปี เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 46 ม.2 ต.คลองขุด อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อช่วยเหลือนำตัว ด.ญ.เกรซ อายุ 1 ขวบ 10 เดือน สัญชาติไทย ซึ่งเป็นลูกสาวของ น.ส.เปิ้ล ออกมาจากบ้านหลังดังกล่าว โดยประสาน ร.ต.อ.นิสิต ศรีโคตร รอง สวป.สภ.บ้านโพธิ์ นายกอบต.คลองขุด และกำนันตำบลคลองขุด เข้าไปยังบ้านหลังดังกล่าว


เมื่อเดินทางไปถึง น.ส วิลาสินี เทพผดุง หรือป้านก เจ้าของบ้านไม่ยอมให้เข้าไปในบ้าน โดยปฏิเสธว่าเด็กหญิงไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้ พร้อมสอบถามด้วยอารมณ์โมโหว่าใครเป็นคนแจ้ง ทำให้ ต้นอ้อ จากมูลนิธิเป็นหนึ่ง เข้าไปบอกว่าแม่ของเด็กคือ น.ส.เปิ้ล ได้ประสานจากเพจมาให้เข้ามาช่วยเหลือ จึงสร้างความไม่พอใจให้กับป้านก จนเกิดปะทะคารม ก่อนที่ป้านกจะยื่นโทรศัพท์ให้ ต้นอ้อ ได้คุยกับ น.ส.สุธีรา เอี่ยมอ่อน หรือเพชร ลูกสาวของป้านก จนเกิดปะทะคารมกันอีกครั้ง  ซึ่งทางฝั่งเพชรชี้แจงว่ามีหนังสือสัญญาในการเลี้ยงเด็กหญิง และแม่ของเด็กติดหนี้ป้านกแม่ของตนเองอยู่ แต่ทางต้นอ้อได้บอกกลับไปว่า เรื่องหนี้สินให้ทั้งสองฝ่ายคือ น.ส.เปิ้ล และป้านกมาคุยตกลงใช้หนี้กัน ซึ่งตนเองมีหลักฐานแชตที่ป้านกข่มขู่ว่าจะเอาเด็กหญิงไปให้ชาวกัมพูชาเลี้ยง และไม่ยอมให้ น.ส.เปิ้ล ผู้เป็นแม่ได้ติดต่อลูก หากยังไม่โอนเงินมาใช้หนี้ ตนและเจ้าหน้าที่ที่มาวันนี้ต้องการนำเด็กออกมา ไม่ต้องการให้เด็กเป็นเครื่องมือในการต่อรอง ซึ่งทาง น.ส.เพชร ได้บอกว่า เด็กหญิงไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังนี้ อยู่กับน้องสาวอีกคน ตนกำลังเข้าไปที่บ้าน และเมื่อ น.ส.เพชร เดินทางมาถึงก็เกิดปะทะคารมกันอีกครั้ง โดยบอกว่าเลี้ยงเด็กอย่างดี ไม่ได้กักขัง ส่วนป้านกเดินออกมาตะโกนถามว่า ถ้าเอาเด็กไปก็ให้ น.ส.เปิ้ลเอาเงินมาคืนตน ซึ่งทั้งสองเถียงกันอยู่นานกว่า 20 นาที ก่อนที่ป้านก และ น.ส.เพชร จะเดินเข้าบ้านไป  

...


ทางมูลนิธิเป็นหนึ่งจึงได้ปรึกษากับทางบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดฉะเชิงเทรา ให้น้องสาวของ น.ส.เปิ้ล แม่เด็กไปแจ้งว่า ป้านกกักขังหน่วงเหนี่ยว จนกำนันต้องเดินไปเจรจากับป้านกที่หน้าบ้านอีกครั้ง ในที่สุดป้านกยอมคืนเด็กหญิงให้กับเจ้าหน้าที่นำตัวออกมาได้สำเร็จ ซึ่งเด็กหญิงยังอยู่ในอาการตกใจ เจ้าหน้าที่จึงได้วิดีโอคอลหา น.ส.เปิ้ล แม่ของเด็ก ทำให้เด็กสงบลง ก่อนจะพาเด็กไปยังสภ.บ้านโพธิ์ เพื่อลงบันทึกประจำวันกับ ร.ต.อ.สมศักดิ์ ศรีณรงค์  รองสว.(สอบสวน) สภ.บ้านโพธิ์ ไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะมอบ ด.ญ.เกรซ ให้น้าสาวกลับไปเลี้ยงดูที่จังหวัดนนทบุรี เพื่อรอแม่ของเด็กเดินทางกลับจากต่างประเทศ


น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือ ต้นอ้อ เปิดเผยว่า เคสนี้ได้รับเรื่องร้องเรียนจาก น.ส.เปิ้ล แม่ของเด็กให้เข้ามาช่วยเหลือ โดยก่อนหน้านี้ น.ส.เปิ้ล ได้รู้จักกับป้านก และให้ป้านกไปกู้เงินนอกระบบจำนวน 100,000 บาท ซึ่งป้านกก็เอาเงินที่กู้มาปล่อย น.ส.เปิ้ลกู้ต่อ รวมต้นและดอกเบี้ยแล้ว น.ส.เปิ้ล จะต้องจ่ายป้านกจำนวน 300,000 บาท เมื่อยอดเงินเยอะขึ้นทำให้ป้านกเริ่มกดดัน น.ส.เปิ้ล จน น.ส.เปิ้ล ยอมไปทำงานที่ประเทศแอฟริกาใต้ โดย น.ส.เปิ้ล ต้องไปกู้เงินเจ้าหนี้มาอีก 2 แสนบาทเพื่อเดินทางไปทำงาน ระหว่างที่กำลังจะเดินทางไปทำงาน ป้านกได้นำเอกสารการเลี้ยงดูบุตรมาให้ น.ส.เปิ้ลเซ็น โดยจะต้องเสียค่าเลี้ยงดูบุตรสาวเป็นรายเดือน เดือนละ 12,000 บาท และเมื่อลูกสาวอายุเลย 2 ขวบแล้วจะต้องเสียค่าเลี้ยงดูเดือนละ 13,000 บาท ส่วน 3 ขวบ ก็เสียค่าเลี้ยงดูเดือนละ 14,000 บาท โดยไม่เกี่ยวกับเงินหนี้สิน 300,000 บาท และดอกเบี้ยที่ น.ส.เปิ้ล ได้กู้ไป ซึ่ง น.ส.เปิ้ล ไปทำงานตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีที่ผ่านมา ได้เงินมาก็ต้องคืนแท็ค เจ้าหนี้ที่ยืมไปจำนวน 2 แสนบาทก่อน จึงไม่มีเงินส่งมาให้ป้านก ทำให้ป้านกข่มขู่บอกว่าจะนำลูกสาวของ น.ส.เปิ้ล ไปให้ชาวกัมพูชาเลี้ยง เมื่อ น.ส.เปิ้ล โทรศัพท์วิดีโอคอลมาหาก็ถูกตัดสายทิ้ง ไม่ยอมให้เจอลูกสาว หากไม่โอนเงินค่าเลี้ยงดู และเงินที่ติดหนี้ตามที่ตกลงกันไว้มาให้ ซึ่งทั้งหมดมีหลักฐานเป็นข้อความแชตระหว่างป้านก กับ น.ส.เปิ้ล แม่ของเด็ก ทางมูลนิธิฯ จึงเดินทางเข้ามาช่วยเหลือเด็กหญิงในวันนี้ เพื่อไม่ให้เด็กตกเป็นเครื่องมือต่อรอง ส่วนเรื่องหนี้สินก็ให้ น.ส.เปิ้ล และ ป้านก มาพูดคุยเจรจาหาทางออกกันใหม่.