"อาจารย์เอก ฝ่ามือพลังจิต" ยันไม่ได้ท้าทาย "รมว.สธ." แต่อยากให้มาพิสูจน์การรักษา ชี้ถ้าดีควรสนับสนุนให้ถูกต้อง ระบุกำลังรวบรวมเอกสารยื่นขอจดทะเบียน หวั่นดึงต่างชาติเข้าประเทศ ลดภาระความเดือดร้อนของคนป่วย

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 14 พ.ย.66 ที่สำนักงานฝ่ามือพลังจิต ถนนกาญจนาภิเษก อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี นายกีรติ สมคิด อายุ 53 ปี หรือ "อาจารย์เอก ฝ่ามือพลังจิต" หมอเทวดาคนดังในโซเชียล กล่าวว่า การที่มีข่าวออกมาว่า อาจารย์ไปท้าทายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) คือ ไม่ใช่การท้าทาย ตนบอกให้มาพิสูจน์ด้วยว่า ถ้ามันดีควรจะสนับสนุนควรทำให้มันเป็นรูปแบบให้ถูกต้องหรือไม่ ตอนนี้ตนยังไม่มีใบประกาศ เพราะมันเกิดศาสตร์ครั้งแรก คือ ศาสตร์พลังจิต สถาบันไหนมีการสอนและพัฒนาได้ การที่จะรักษาคนตาบอดได้อาจารย์คนนั้นต้องรักษาได้ก่อนถูกต้องหรือไม่ แต่ไม่มีใครทำได้ ตนเป็นคนคิดค้นขึ้นมาเอง แล้วใครจะออกใบรับรองให้ได้ ตนกำลังจะเข้าไปคุย ซึ่งตอนนี้ทำครบสมบูรณ์แล้ว คือ จำนวนคนหลายพันคนที่ช่วยมา แล้วลูกศิษย์ที่ตนสอนมาอีกกว่า 300 คน ตอนนี้ครบองค์ประกอบแล้วว่าช่วยและถ่ายทอด

อาจารย์เอก กล่าวต่อว่า ตอนนี้กำลังให้ทีมงานและทนายรวบรวมเอกสาร เพื่อไปยื่นขอจดทะเบียนให้ศาสตร์นี้อยู่กับประเทศไทย เราจะดึงคนต่างชาติทุกอย่างเข้ามาภายในประเทศ มันจะเป็นการลดภาระความเดือดร้อนของคนป่วย คนป่วยบางคนหมดเนื้อหมดตัว แต่มาหาตนมันแค่ค่าครู ตนไม่ได้บอกให้มาหาตนเพียงทางเดียว แต่ส่วนใหญ่แล้วเขาไปหาหมอแล้วไม่สามารถจะช่วยเขาได้ หมอก็จะตกงานเพราะตนคนเดียว ผู้ป่วยเป็นล้านโรงพยาบาลไม่รู้เท่าไร ตนรักษาวันนึงตั้งแต่เช้ายันเย็น 10 กว่าคน ตั้งแต่เช้าข้าวยังไม่ได้กินเลย เราช่วยคนได้เท่าไรเราก็ช่วย

"คนป่วย 1 คน เขาไม่ได้เดือดร้อนแค่ตัวเขา ครอบครัวก็เดือดร้อนด้วย แต่ตนทำให้เขาดีขึ้นแล้ว เขาก็มีความสุขแล้วเดือดร้อนใครหรือไม่ ที่ช่วยมาไม่มีใครไปร้องเรียนตน และไม่ได้มีผลไปหลอกลวงใครด้วย ค่าใช้จ่ายไม่มี เป็นค่าครูแล้วแต่คนเขาจัดสถานที่ เขามีค่าใช้จ่ายก็เป็นเรื่องของเขา แล้วแต่คนละเท่าไร บางคนก็ฟรีบางคนเขาจ่ายค่าครูมาก็เอาคืนไป ไม่ได้มานั่งเน้นเรื่องจำนวนเงิน บางเคสเขาเชิญตนไปถึงที่ก็อีกเรื่องหนึ่ง" อาจารย์เอก กล่าว

...

เมื่อถามว่า อยากฝากอะไรให้รัฐมนตรีสาธารณสุขหรือไม่ อาจารย์เอก กล่าวว่า ตนอยากให้เปิดใจ เพราะในประวัติของคุณหมอที่ตนทราบมา คือ ท่านเปิด ยอมรับในสิ่งต่างๆที่น่าจะทำอะไรดีขึ้นกว่านี้ เพราะต้องเข้าใจว่าศาสตร์แผนปัจจุบันเป็นศาสตร์ที่มาจากต่างประเทศ ซึ่งยาที่กินทุกวันนี้ มันมีหลายโรค แม้แต่วินิจฉัยยังไม่ได้เลย หาสาเหตุยังไม่เจอ เพราะการป่วยจากธรรมชาติ ป่วยมีหลายรูปแบบ ยาที่กินไปคือการประคองบางทีก็หาย

"อย่างที่เราทำให้ดูเมื่อกี้ หิ้วปีกมาพูดได้เดินได้มีศาสตร์ไหนทำได้อธิบายให้ตนฟังหน่อย ตนไม่ได้บอกว่ารักษาได้ทุกโรค เมื่อคนป่วยมาหาตน เขาบอกว่าเป็นอะไรตนก็จะทำให้เต็มที่ ไม่ได้บอกว่ารักษาโรคหาย แต่คนที่มาบอกว่าปวดตรงนี้ ปวดท้อง ตนก็ใช้พลังจิตทำ ดีหรือไม่ดีคนป่วยเป็นคนบอก ไม่ใช่ตัวอาจารย์บอกว่าดีแล้วหายแล้วไม่ใช่" อาจารย์เอก กล่าว

อาจารย์เอก กล่าวต่อว่า แต่คำว่ารักษา มันเป็นแค่ข้อกฎหมายห้ามเลี่ยงเฉยๆ ถึงจะช่วยบำบัดหรืออะไร มันก็คือคำคำเดียวกัน ตนก็เลยพูดเฉพาะในกลุ่มของตน ส่วนใครจะมาตรวจสอบขั้นตอนต่างๆ ก็ยินดี สาธารณสุขก็เคยมาตรวจสอบแล้ว สมัยที่อยู่เพชรบุรีและราชบุรี ก็ไม่มีการกระทำความผิดอะไร 1.ตนไม่มียาขาย และ 2.ตนไม่ได้ไปเรียกอะไร ทุกอย่างเขารวมตัวกันมาแล้วเชิญตนไป เหมือนเชิญเกจิไปทำไมไม่ไปถามเกจิรับเงินเขาไปเท่าไร สัตว์น้ำมนต์ไปทำนู่นนี่ให้เขาดีมันก็เหมือนกัน แล้วของตนเป็นศาสตร์แพทย์ทางเลือก เพียงแต่ตนยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน เพราะตนกำลังรวบรวมหลักฐานต่างๆเพื่อจะไปยื่น

"ถ้าอยู่ดีๆ ตนเดินไปบอกรักษาคนได้ช่วยคนได้ แต่ไม่มีใบประกอบการ ไม่มีพยาน ไม่มีหลักฐาน แล้วเขาจะยอมรับหรือไม่ ส่วนถ้ายื่นไปแล้วเขาจะยอมรับไหมต้นก็ไม่รู้เพราะตนไม่ได้อยู่ในกฎหมาย คือ ตนฝึกปฏิบัติจนได้ตรงนี้มา คุณจะเอากฎหมายตรงไหนมาเล่นงานตน ตนช่วยเหลือคน อยากให้รัฐมนตรีเปิดวาระทดสอบ เอาคนป่วยมาทำดู ไมเกรนปวดเนื้อปวดตัว กระดูกทับเส้น แล้วมีพยานพิสูจน์ได้ยินดี ไม่ได้เป็นการท้าทายแต่เป็นการนำเสนอในสถานที่อาจารย์ได้" อาจารย์เอก กล่าว

อาจารย์เอก กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นย่าของน้องใบเตย ไม่ใช่เป็นการเขียนข่าวที่ไม่เป็นความจริง คุณพิสูจน์ยังไงแค่ไปสัมภาษณ์ไม่ได้ให้เขาดูอะไร แต่ตอนนั้นที่ไปคือตาบอด 100% หมอช่วยไม่ได้ เมื่อตอนไปช่วยเขาเห็นลูกเห็นหลานกอดคอกันร้องไห้ ไปช่วย 2 รอบ จนเขาดีขนาดนี้แล้วจึงบอกเขาว่า ผมมาแต่ละครั้งหมดหลายหมื่นเพราะมีลูกศิษย์ตามไป เสียครั้งหนึ่งเยอะ จึงบอกว่ายายมีเงินแล้วให้กรรมการเช่ารถมาหาตนที่นี่ก็ได้ตนช่วยฟรี มันต้องต่อเนื่องไม่งั้นเดี๋ยวจะกลับมาเป็นอีกก็พูด แต่ทำไมไม่มีใครถามความเป็นจริง

"เดี๋ยวตนจะไปหายายเสาใหม่ จะไปพิสูจน์ใหม่เพื่อความเป็นจริงกับการเสนอข่าว แล้วบางสำนักบอกว่าทำแล้ว 3 วัน ยายเสาร์กลับมาตาบอดสนิทเลย เดี๋ยวเจอกันครับ เอาความจริงสิครับอย่าเอาเรื่องอะไรมาเล่นงานกัน ตนไม่ได้มีอะไรถูกต้องแต่ถามว่าตนทำอะไรผิด อยากดูหรือไม่มีคนโทรมาวันละเป็นพันคน วันละเป็นพันข้อความ เพราะเขาต้องการความช่วยเหลือ แล้วจะนัดลูกศิษย์ซึ่งมีอยู่กว่า 300 คน ขอสถานที่กว้างๆ ผู้ป่วยเป็นพันคนก็ได้จะเดินเหยียบให้ดู ท้าได้คือหมายความว่าให้พิสูจน์ ให้มาได้เห็นว่าจริงหรือไม่ แล้วตนจะสอนภายในไม่กี่นาทีให้ทุกคนรักษาได้ด้วย" อาจารย์เอก กล่าว

ด้าน นางอนงค์ รามปาน อายุ 65 ปี ชาว ต.คลองแดน อ.ระโนด จ.สงขลา ได้นำ นายบุญมา รามปาน อายุ 65 ปี สามี มาหา อาจารย์เอก เพื่อทำการรักษาโดยนางอนงค์ กล่าวว่า นายบุญมา ป่วยเป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบ ตั้งแต่เดือนมกราคม 66 เดินไม่ได้ ป่วยติดเตียงอยู่ที่บ้าน จึงพามาหาอาจารย์เอกครั้งแรกวันนี้ โดยทราบจากข่าว จึงได้จองคิวเข้ามาหา โดยประคองหิ้วปีกมา ก็มีอาการดีขึ้นเยอะโดยทีแรกที่มาเดินไม่ได้เลย วันนี้ก็พอจะเดินได้เองบ้าง โดยอาจารย์เอกบอกว่าถ้าเดินได้ก็ไม่ต้องมาอีกแล้ว ตอนนี้อยู่กับลูกที่ จ.ชลบุรี ก็จะกลับไปอยู่กับลูกต่อ เพราะอยู่บ้านที่จ.สงขลา ไม่มีใครช่วยจึงมาอาศัยอยู่กับลูก ลูกพามารักษาที่นี่อาการก็ดีขึ้น จากอยู่ที่บ้านต้องเดิน 4 ขา ดีขึ้นเยอะเลย

...

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อาจารย์เอก ฝ่ามือพลังจิต ได้รักษา นายกีรติ สมคิด อายุ 53 ปี ด้วยการใช้ฝ่ามือแตะไปที่...และที่ปากของ นายบุญมา ซึ่งก่อนมาเดินไม่ได้ ต้องหิ้วปีกและพูดจาไม่ได้เลย หลังจากใช้ฝ่ามือรักษา นายบุญมาได้ลุกขึ้นเดินโดยมีคนประคอง และร้องเพลง อาจารย์เอก ได้กล่าวว่า เมื่อกี้พูดยังไม่ได้ ตอนนี้ร้องเพลงให้ฟัง มันพิสูจน์ได้หรือไม่ ตอนที่มาก็หิ้วปีกตอนนี้เดินได้เลย นอกจากนี้ อาจารย์เอก ยังกล่าวแซวอีกว่า ตกลงจะมาให้รักษาหรือมาร้องเพลง วันนี้เดี๋ยวเปิดคาราโอเกะให้เลย

ขณะที่ นายบุญมา รามปาน ผู้ป่วย กล่าวว่า ตนอาการดีขึ้น แต่ก่อนเดินไม่ค่อยได้ ร้องเพลงไม่ได้มาตั้งแต่เดือนมกราคม ตอนนี้พอร้องเพลงและเดินได้แล้ว