กลุ่ม "เป็นหนึ่ง" ลงพื้นที่อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบฯ บุกช่วย 3 พี่น้อง ชีวิตยิ่งกว่าละคร มีปัญหาครอบครัวแตกแยก สองตายายมีแผลในใจเพราะเคยทำปืนลั่นหลานชายเสียชีวิต รับมาเลี้ยง สุดท้ายมีชาวบ้านร้องเรียนเด็กโดนทำร้าย ไม่ได้รับความรักเหมือนเดิมหลังตายายมีหลานแท้ๆ สุดสงสารเด็กกอดจนท.ไว้แน่น และทั้งสามพี่น้องไม่ขออยู่บ้านเดิมอีก
จากกรณีมีผู้ร้องเรียนผ่านเพจเป็นหนึ่ง ว่ามี 2 สามีภรรยา รับเด็กชายและเด็กหญิง 3 คนพี่น้อง มาเลี้ยงดู เนื่องจากว่า อยากมีหลาน (พ่อแม่ของเด็กๆ ติดยาเสพติดและแยกทางกัน) เด็กชายคนโต อายุประมาณ 7 ขวบ คนกลาง 5 ขวบ และน้องคนเล็กประมาณ 3 ขวบ ช่วงแรกก็ดูรักและเอ็นดูเด็กทั้ง 3 เป็นอย่างดี แต่ระยะเวลาต่อมา ได้มีหลานของตนเองแล้ว ก็เริ่มจะทำร้ายเด็กทั้ง 3 คน และใช้แรงงานอย่างหนัก คำบอกเล่าจากคนที่พบเห็นน้อง น้องคนโตผู้ชายเป็นแผลโดนน้ำร้อนช่วงนิ้วมือมาถึงข้อศอกทั้ง 2 ข้างเสมอกัน คนกลางมาเล่าให้ฟังว่าโดนมีดบาดช่วงหลังแล้วโดนตีบ่อย คนเล็กผู้หญิงโดนกระชากลากเข้าห้องน้ำ หยิกหัว ตีเป็นรอยมือ ทางเป็นหนึ่งได้เห็นรูปของน้องที่มีร่องรอยบาดแผลแล้ว
ล่าสุด เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 6 พ.ย. 2566 ที่ สภ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ ประธานกลุ่มเป็นหนึ่ง พร้อมด้วย น.ส.วารุณี ดอกจันทร์ หน.บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์, นักสังคมสงเคราะห์ พมจ.ประจวบคีรีขันธ์ เข้าพบ พ.ต.ท.วิชาญ ยศชู รอง ผกก.สืบสวน สภ.บางสะพานน้อย และ พ.ต.ท.ชาติ แสนทวีสุข รอง ผกก.ป. เพื่อร้องเรียนกรณี พบเด็ก 3 พี่น้อง ถูก 2 ตา-ยาย บุญธรรมที่รับมาเลี้ยงทำร้ายร่างกาย โดยใช้เวลาพูดคุยกันประมาณ 20 นาทีก่อนจะมีการประสานไปยังโรงเรียน ที่ ด.ช.บิ๊ก (นามสมมติ) อายุ 7 ปี และ ด.ช.บอส อายุ 6 ขวบ ที่เด็กทั้ง 2 กำลังศึกษาอยู่ เพื่อนำเด็กมาพบกับนักสังคมสงเคราะห์ และเจ้าหน้าที่เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงจากเด็ก
...
เบื้องต้นพบว่า ด.ช.บิ๊ก พี่ชายคนโตมีบาดเเผลคล้ายถูกน้ำร้อนลวกที่มือทั้งสองข้างตั้งแต่ช่วงปลายนิ้วมือจนถึงข้อศอกทั้งสองข้าง และ ด.ช.บอส คนน้อง มีแผลฉีกขาดที่บริเวณกลางหลังเหนือเอว ยาวประมาณ 6 เซนติเมตร และยังมีน้องสาว ด.ญ.บี อายุ 3 ขวบ พักอาศัยอยู่บ้านหลังเดียวกับ 2 ตายาย (ที่รับเด็กมาเลี้ยง) โดย ตา อายุ 57 ปี และ ยาย อายุ 46 ปี
นายเจษฎา ถ้ำแก้ว ครูโรงเรียนแห่งหนึ่งที่เด็กทั้งสองเรียนอยู่เปิดเผยว่า เด็กทั้ง 2 คนเรียนอยู่ห้องเดียวในระดับชั้น ป.1 โดยเด็กเพิ่งจะมาโรงเรียนวันนี้เป็นวันแรกนับตั้งแต่เปิดเทอม ซึ่งปกติในช่วงเวลาที่อยู่โรงเรียนเด็กทั้ง 2 ก็ร่าเริงปกติ ไม่มีอาการซึมผิดสังเกตอะไร มีเพียงแค่เสื้อผ้าชุดนักเรียนที่อาจจะดูไม่สะอาดเท่าไรแต่ที่ผ่านมาก็เล่นกับเพื่อนนักเรียนกันเป็นปกติไม่มีพฤติกรรมเหมือนถูกทำร้ายร่างกายมา ซึ่งตอนสมัครเข้าเรียนมีตา พามาสมัครเละแจ้งเป็นผู้ปกครองเด็กทั้ง 2 คน ส่วนแขนที่คล้ายโดนของร้อนลวกที่มือทั้งสองข้างเมื่อเช้ามีการสอบถาม ด.ช.บิ๊ก บอกว่าโดนน้ำร้อนลวกมา แต่ก็ยังไม่ค่อยเชื่อ คิดว่าจะสอบถามผู้ปกครองในเย็นวันนี้เพราะเด็กเพิ่งมาโรงเรียนแต่มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อน
จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางสะพานน้อย ร่วมกับนายสุทิน ประเสริฐศักดิ์ นายอำเภอบางสะพานน้อย, เจ้าหน้าที่จาก พมจ.ประจวบคีรีขันธ์ และกลุ่มเป็นหนึ่ง เดินทางไปยังบ้านของ "ตายาย" ตั้งอยู่ในสวนยางพาราในพื้นที่บ้านทุ่งไทร ต.บางสะพาน อ.บางสะพานน้อย โดยที่บ้านดังกล่าวเปิดเป็นโรงฆ่าหมูขนาดเล็ก เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงพบ "ยาย" อยู่ภายในบ้านกับ บุตรสาวและหลาน พร้อมกับ ด.ญ.บี วัย 3 ขวบ แต่ไม่พบ “ตา” ซึ่งทราบว่าได้เข้าไปทำงานอยู่ในสวนยาง โดยด.ญ.บี วัย 3 ขวบ มีแผลถลอกที่หัวและรอยขีดข่วนที่เอวด้านขวา และที่มือซ้ายนิ้วชี้ไม่สามารถเหยียดตรงได้เนื่องจากมีพังพืดใต้ผิวหนัง เด็กมีลักษณะซึม ไม่พูดคุย แต่กอดเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปรับตัวไว้แน่น ทางเจ้าหน้าที่จึงได้พูดคุยสอบถามข้อมูลเบื้องต้นกับ "ยาย" ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
...
“ยาย” ที่รับเลี้ยง 3 พี่น้อง เปิดเผยว่า ตนและสามีได้รับเด็กทั้ง 3 คนมาดูแลจากพ่อเด็กซึ่งมีปัญหาแยกทางกับแม่ของเด็ก ตนเพิ่งเสียหลานชายไปจึงอาสารับเด็กๆ มาดูแลค่าใช้จ่ายทุกอย่างตนเป็นคนส่งเสียเลี้ยงดู ส่วนแผลน้ำร้อนลวกที่เเขนทั้งสองข้างเกิดขึ้นเนื่องจาก ด.ช.บิ๊ก ใช้ตะแกรงตักขนหมูในน้ำร้อนที่ตั้งไฟอยู่แต่เด็กลื่นมือจุ่มลงไปในน้ำร้อนในกระทะจึงเป็นแผลที่มือทั้งสองข้าง ส่วนเรื่องตีเด็กยอมรับก็มีบ้าง ตามประสาที่เด็กมันดื้อไม่ได้ตีรุนแรงชนิดที่ว่าจะเอาถึงตายอะไร ส่วนแผลที่หลัง ด.ช.บอส คนน้อง เกิดจากเด็กวิ่งเล่นอยู่ใกล้ๆ จุดที่กำลังทำหมูอยู่ เด็กวิ่งมาชนเองไม่ได้ตั้งใจทำร้ายเด็ก ส่วนหลังจากนี้ทางพัฒนาความมั่นคงจะรีบนำเด็กทั้ง 3 ไปดูแลต่อก็ยินดีที่จะมอบให้ไปดูแล
จากนั้น “ยาย” ได้พาไปดูบริเวณจุดที่ ด.ช.บิ๊ก โดนน้ำร้อนลวก ซึ่งเป็นบริเวณที่ใช้ลวกหมู มีลักษณะเป็นเตาที่ก่อขึ้นจากปูนขนาดใหญ่ มีกระทะ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 85-90 ซม. ตั้งอยู่ ซึ่งเป็นบริเวณที่ใช้สำหรับลวกหมูเพื่อถอนขน และได้ทำท่าประกอบขณะที่ ด.ช.บิ๊ก ถูกน้ำร้อนลวก พร้อมกับยืนยันว่าเด็กลื่นและมือจุ่มลงไปในกระทะเอง จนเป็นแผลที่มือทั้ง 2 ข้าง
ด้านนายเกรียงศักดิ์ ปลอดภัย กำนัน ต.บางสะพาน อ.บางสะพานน้อย เปิดเผยว่า ตนก็แวะเวียนนำเสื้อผ้า นำขนม มาให้เด็กๆ ทั้ง 3 คนอยู่เป็นประจำซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่เคยพบเห็นการทำร้ายเด็กที่รุนแรงแต่ก็เคยเห็นมีตีบ้างตามประสาเด็กที่ดื้อก็เป็นธรรมดา ส่วนแผลที่แขนของ ด.ช.บิ๊ก ตนก็เคยถามกับสองสามีภรรยา บอกว่าเด็กมันลื่น มือเลยจุ่มลงไปในกระทะเองโชคดีน้ำไม่ร้อนมากเท่าไรเลยไม่เป็นอะไรมาก ส่วนในกรณีของพ่อแม่เด็กเป็นใครจากไหนตนไม่ทราบแต่ไม่ใช่คนในพื้นที่ ทราบเพียงแค่ว่า พ่อแม่ของเด็กทั้ง 3 มีปัญหายุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดและพ่อแม่เด็กแยกทางกัน โดยเด็กทั้ง 3 อยู่กับพ่อ ทางสองผัวเมียคู่นี้ไปเจอ และถูกชะตาเพราะว่าหน้าตาคล้ายกับหลานที่เพิ่งเสียชีวิตไปจึงขอรับ 3 พี่น้องมาดูแลเลี้ยงดู ซึ่งได้มีการทำบันทึกจากพ่อเด็กมอบให้ทางสองผัวเมียเลี้ยงดู ผ่านทาง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเด็กมาอยู่ที่นี่ได้ประมาณ 2 ปีแล้วเห็นจะได้
...
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2563 “ตา” ได้เคยทำปืนลั่นใส่หลานชายวัย 4 ปี เสียชีวิตคาบ้านหลังดังกล่าว เหตุเกิดวันที่ 9 กันยายน 2563 โดนดำเนินคดี กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนที่ในปี 2564 ศาลได้ตัดสินลงโทษ จำคุก 2 ปี ปรับ 15,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี และเบื้องต้นในส่วนของเด็กทั้ง 3 พี่น้องในวันนี้ ทางเจ้าหน้าที่พมจ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้สอบถามความต้องการจากเด็กๆ แล้ว เด็กไม่ประสงค์ที่จะกลับไปอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวอีก ในวันนี้จึงจะนำเด็กกลับไปดูแลที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เป็นการชั่วคราวก่อน ในระหว่างที่รอการติดต่อประสานพ่อและแม่ของเด็กและการประเมินจากทางเจ้าหน้าที่ ซึ่งในเบื้องต้นจะนำเด็กทั้ง 3 รายไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ และประเมินสภาพจิตใจจากทางแพทย์ที่ รพ.หัวหินต่อไป
ในส่วนของคดีความเบื้องต้นยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาหรือดำเนินคดีใดๆ ในวันนี้ โดยทางตำรวจ สภ.บางสะพาน ขอเวลาให้ทางพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม และใบรับรองแพทย์ก่อนที่จะพิจารณาว่า 2 ตายาย จะมีความผิดหรือไม่ ซึ่งทาง น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ ประธานกลุ่มเป็นหนึ่ง ที่ร่วมลงพื้นที่ด้วยในครั้งนี้ ได้เน้นย้ำและขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาและนำตัวผู้กระทำกับเด็กทั้ง 3 คนนี้มาดำเนินคดีให้ถึงที่สุด