พบตัวจริง หลวงพ่อเกษตร พระจี้กงเมืองไทย ใส่จีวรตัดปะจากผ้าบังสุกุล ผ้าชิ้นส่วนใดชำรุด ก็นำเศษผ้ามาปะทดแทนส่วนเดิม ทำแบบนี้มา 42 ปี อยู่รูปเดียวใต้ก้อนหินใหญ่ "วัดเขาหินเทิน" ไม่มีไฟฟ้า ฉันมื้อเดียว พระอื่นทนอยู่ไม่ได้หนีหมด เผยทำตามที่ปรากฏในพระไตรปิฎก พระพุทธเจ้าได้สวมใส่ผ้าบังสุกุล หมายถึงผ้าเปื้อนฝุ่น ส่วนถ้ามีภารกิจหรือประชุมสงฆ์ก็ห่มจีวรปกติ
กำลังเป็นกระแสในโลกโซเชียล พระวัดเขาหินเทิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ สวมใส่จีวรตัดปะจากเศษผ้าบังสุกุล หลายสี หลากเนื้อผ้า เป็นที่สนใจแก่ผู้คน จนถูกเรียกว่าพระจี้กงเมืองไทย วันที่ 24 ตุลาคม 2566 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดเขาหินเทิน หมู่ 9 บ้านมะขามโพรง ต.เกาะหลัก อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เข้าจากถนนเพชรเกษมไป 9 กิโลเมตร อยู่บริเวณเขาหินเทิน มีพระจำพรรษาอยู่เพียงรูปเดียวคือ พระเกษตร ปคุโณ หรือนายเกษตร ธงพุทธรักษ์ อายุ 80 ปี บวชมาเป็นเวลา 51 พรรษา สวมจีวรจากเศษผ้า โดยนำมาจากผ้าบังสุกุล หรือผ้าที่ทิ้งแล้วตามถังขยะ นำมาตัดปะเย็บเป็นชุดจีวร โดยมีจีวรนี้ชุดนี้เพียงชุดเดียว เมื่อผ้าชิ้นส่วนใดชำรุด ก็นำเศษผ้ามาตัดปะทดแทนส่วนเดิม
...
ส่วนเหตุผลที่สวมใส่จีวรเช่นนี้ หลวงพ่อเกษตรกล่าวว่า "ตามที่ปรากฏในพระไตรปิฎก พระพุทธเจ้าได้สวมใส่ผ้าบังสุกุล หมายถึงผ้าเปื้อนฝุ่น ซึ่งหลวงพ่อเกษตรได้สวมใส่จีวรเช่นนี้ เป็นเวลา 42 ปีแล้ว หลังจากที่บวชเป็นพระภิกษุในปี 2515 ขณะที่อายุได้ 28 ปี ที่วัดอ่างทองวรวิหาร จากนั้นเริ่มออกธุดงค์ไปตามที่ต่างๆ เพื่อหาความสงบ กระทั่งจำพรรษาอยู่ที่สำนักสงฆ์เขาคั่นกระได อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เมื่อปี 2524 และเริ่มสวมจีวรตัดปะเช่นนี้ แต่สำนักสงฆ์อยู่เขตชุมชน จึงออกเดินธุดงค์เพื่อหาสถานที่สงบ ห่างไกลจากผู้คน กระทั่งพบที่ป่าธรรมชาติบริเวณเขาหินเทิน ต.เกาะหลัก ลักษณะหินเทินกันเป็นก้อนใหญ่ มีโพรงใต้หินเป็นที่ปฏิบัติธรรม มาพบเมื่อปี 2526 อยู่ที่นี่เรื่อยมา จัดตั้งเป็นสำนักสงฆ์และเป็นวัดตามลำดับ เป็นวลา 40 ปี
โดยวัดเขาหินเทินนี้ แรกเริ่มมีพระภิกษุจำพรรษาจำนวนหนึ่ง แต่เนื่องจากความเคร่งครัดในระเบียบและการประพฤติปฏิบัติที่เรียบง่าย สงบ จึงทำให้พระหลายรูปอยู่ที่นี่ไม่ได้ เพราะขาดสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ โดยที่วัดปราศจากไฟฟ้า อาศัยนอนใต้ก้อนหินใหญ่ หรือต้นไม้ ประกอบกับวัตรปฏิบัติฉันอาหารเพียงมื้อเดียว หากมีภารกิจ มีการประชุมสงฆ์ จะสวมจีวรปกติที่ญาติโยมนำมาถวาย เพื่อสนองงานทุกอย่างของคณะสงฆ์ ที่ผ่านมาไม่เคยมีพระทักเรื่องการสวมใส่จีวรตัดปะ เชื่อว่าพระทุกรูปเข้าใจวัตรปฏิบัติที่สอดคล้องในพระไตรปิฎก และให้เกียรติที่จะไม่ถามไม่พูดถึง
“ทุกวันนี้ เริ่มมีชาวบ้านมาที่วัดมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน แต่เมื่อเราไม่มีอะไรให้เขา ไม่มีการเคาะ การลูบ การเป่า การเสก ไม่เหยียบผ้า ไม่มีของขลังของพิเศษ ไม่ดูฤกษ์งามยามดี เหล่านี้เป็นเดรัจฉานวิชา เมื่อไม่มีอะไรให้ ก็ไม่มา ถึงมาแล้วคุยกันพอรู้เรื่องแล้วก็ไป ได้สนทนาธรรมบ้าง รักษาความสงบ วิเวก คือ เราไม่สร้างอะไรมากนัก พออยู่ได้พอ" หลวงพ่อเกษตรกล่าว
...
หลวงพ่อเกษตร ฝากบอกแก่พุทธศาสนิกชนว่า ไม่ต้องนำธูปเทียนมาถวาย เนื่องจากมีเขม่า มีขี้เถ้ารก และอาหารสำเร็จรูป เครื่องดื่มสำเร็จรูป เช่น ปลากระป๋อง ผลไม้กระป๋อง บะหมี่สำเร็จรูป กินนานๆ จะเป็นอันตรายกับไต เสียสุขภาพ เครื่องดื่มชูกำลัง กาแฟสำเร็จรูปผสมเสร็จ ขิงผง มะตูมผง รังนก ประกอบด้วยสารเคมี อันตรายทั้งนั้น เป็นสิ่งไร้สาระ ขอย้ำว่าไม่ต้องนำมาถวาย ขณะที่ช่วงบ่าย มีพุทธศาสนิกชนเดินทางผ่านก่อนกลับกรุงเทพฯ เพื่อขอคำแนะนำเรื่องการนั่งสมาธิ โดยได้สนทนาธรรมกับหลวงพ่อเป็นเวลาสั้นๆ เพียง 5 นาที