สทนช.ตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคกลาง อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา เกาะติดลุ่มน้ำเจ้าพระยารับมือน้ำหลากตอนบนไหลผ่าน เขื่อนเจ้าพระยาเพิ่ม กระทบพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ เร่งป้องกันก่อนท่วมหวังลดผลกระทบ
เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2566 ที่ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาบางบาล อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เดินทางมาเป็นประธานเปิดศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคกลาง และเป็นประธานการประชุมคณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย ภาคกลาง ครั้งที่ 1/2566 ร่วมกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงมหาดไทย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมชลประทาน กรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กรมทรัพยากรน้ำ กรมประชาสัมพันธ์ และกองบัญชาการกองทัพไทย เป็นต้น
ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการ สทนช. เปิดเผยว่า สทนช. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำในห้วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยอิทธิพลของหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง ร่องมรสุม และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรง ทำให้บริเวณภาคเหนือและภาคกลางมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ประกอบกับในลุ่มน้ำเจ้าพระยาเกิดน้ำท่วมขังพื้นที่ลุ่มต่ำในบางพื้นที่ โดยมวลน้ำหลากจากตอนบนจะส่งผลให้น้ำท่าบริเวณด้านท้ายน้ำมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาคาดการณ์จะมีน้ำหลากจากพื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้น
...
เลขาธิการ สทนช. กล่าวต่อว่า มีความจำเป็นต้องระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาในอัตราระหว่าง 1,000-1,400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ลบ.ม./วินาที) ทำให้พื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำบริเวณ จ.อ่างทอง และ จ.พระนครศรีอยุธยา มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันอีกประมาณ 1.00-1.50 เมตร ตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคมเป็นต้นไป โดยแม้ว่าสถานการณ์น้ำในปัจจุบันมีน้ำไหล ผ่านเขื่อนเจ้าพระยาปริมาณมาก โดยปัจจุบันระบายอยู่ที่ 1,280 ลบ.ม./วินาที แต่ก็ยังน้อยกว่าปีที่ผ่านมาค่อนข้างมาก โดยในเวลาเดียวกันของปี 2565 มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา 2,643 ลบ.ม./วินาที ซึ่งน้อยกว่าปีที่แล้วถึง 1,363 ลบ.ม./วินาที
ดร.สุรสีห์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม พื้นที่ที่ที่รับผลกระทบขณะนี้ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ จ.ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง และ พระนครศรีอยุธยา ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งเข้าให้ความช่วยเหลือพื้นที่น้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำและพื้นที่การเกษตรใน 6 อำเภอ ใน จ.ลพบุรี สระบุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยาแล้ว ขณะเดียวกัน สทนช.ได้เน้นย้ำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการน้ำและเก็บกักน้ำปลายฤดูฝน รวมถึงเร่งทำความเข้าใจกับประชาชนและเกษตรกรในพื้นที่ว่าน้ำที่เก็บกักจะไว้สำรองไว้ใช้อุปโภค บริโภค ไม่สนับสนุนการทำนาปีต่อเนื่อง โดยกำหนดมาตรการเสริมเมนูอาชีพให้เป็นทางเลือกของเกษตรกร
เลขาธิการ สทนช. กล่าวถึงการจัดตั้งศูนย์ส่วนหน้าฯ ว่า เพื่อเตรียมความพร้อมและบริหารจัดการสถานการณ์ ในการรับมือ ติดตามประเมินวิเคราะห์สถานการณ์น้ำและอำนวยการหน่วยงานในพื้นที่บริหารจัดการมวลน้ำในช่วงฤดูฝนให้เกิดความเป็นเอกภาพจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายโดยเร็ว โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคกลาง เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติงานตั้งแต่การป้องกันก่อนเกิดภัย วางแผนและจัดสรรน้ำอย่างเหมาะสม พร้อมวิเคราะห์คาดการณ์ที่แม่นยำ ทันต่อเหตุการณ์ ซึ่งทุกหน่วยงานได้ร่วมกันขับเคลื่อนการปฏิบัติงาน การเตรียมเจ้าหน้าที่ ทรัพยากร สถานที่ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้พร้อมรับมือสถานการณ์อุทกภัยในช่วงปลายฤดูฝนนี้ สามารถนำไปสู่การปฏิบัติจนเห็นผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม ลดผลกระทบและพร้อมให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที
ทั้งนี้ ในระหว่างการประชุมมีพี่น้องประชาชนเข้าร่วมรับฟัง พร้อมกับนำเรื่องราวเสนอในที่ประชุมด้วย โดยมี นายชาญชัย แสงนาค ชาวอำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ขอ 2 ข้อให้ดำเนินการ คือขอเครื่องผลักดันน้ำให้เหมือนปีที่แล้ว ไปที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระยาบันลือ เพื่อเตรียมความพร้อมไว้ก่อน ถ้าน้ำมาจะได้มีการระบายได้ทันเหมือนปีที่ผ่านมา และขอความร่วมมือกองทัพเรือนำเรือมาผลักดันน้ำ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องริมแม่น้ำเจ้าพระยา.
...