หมอปลาช่วยแม่ “ก้อย” เหยื่อแอม ไซยาไนด์ ทำพิธีปลดปล่อยวิญญาณก้อย หลังแม่เชื่อวิญญาณลูกยังไม่ไปเกิด เข้าฝันหลานสาวที่กำลังตั้งท้องให้ช่วยพากลับบ้าน โยงพี่ชายชิงผูกคอตายในบ้าน 2 เดือนก่อนก้อยจะเสียชีวิต หวั่นเป็นอาถรรพณ์ในครอบครัว ขนลุกพบ “ก้อย” บูชาพญานาคทั้งองค์ขาวองค์ดำ ติงไม่เป็นมงคล
จากกรณีการเสียชีวิตของ นางสาวศิริพร ขันวงษ์ หรือ ก้อย เหยื่อรายสุดท้ายของแอม ไซยาไนด์ ซึ่งเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 14 เมษายน 66 ล่าสุดครอบครัวของก้อย เข้าร้องขอความช่วยเหลือกับ หมอปลา มือปราบสัมภเวสี เนื่องจากแม่ของก้อยเชื่อว่า ดวงวิญญาณของลูกสาวอาจจะยังไม่ไปสู่สุคติ เพราะยังตามไปเข้าฝันญาติแต่ละคน บอกให้ช่วยพาก้อยกลับบ้าน เพราะออกจากจุดที่ก้อยเสียชีวิตไปไหนไม่ได้ นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าการตายของก้อย อาจจะเกิดจากอาถรรพณ์อะไรในครอบครัวหรือไม่ เนื่องจากก่อนหน้าที่ลูกสาวจะเสียชีวิต 2 เดือนก่อน พี่ชายของก้อยก็เพิ่งจะผูกคอตายภายในบ้าน เมื่อ 19 กุมภาพันธ์ 66 ซึ่งเป็นการเสียชีวิตของคนในครอบครัวติดต่อกัน ภายในระยะเวลาไม่ถึง 2 เดือนเท่านั้น
ในเรื่องนี้ เวลา 15.00 น. วันที่ 24 ส.ค. นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา มือปราบสัมภเวสี พร้อม นางทองพิณ เกียรติชนะศิริ อายุ 63 ปี แม่ของก้อย กับ นางนิภาวรรณ ขันวงษ์ อายุ 36 ปี พี่สาวก้อย และคนในครอบครัว ได้เดินทางไปที่ศาลเจ้าแม่ทับทิม (หม่าโจ้ว) โดยหมอปลาได้ให้ครอบครัวของก้อยขึ้นไปขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลเจ้าแม่ทับทิม (หม่าโจ้ว) ซึ่งหมอปลาเชื่อว่าดวงวิญญาณของก้อยนั้นถูกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในศาลเจ้าช่วยเหลือเอาไว้ ทางญาติจึงไปทำพิธีขอกับเจ้าแม่ทับทิม ปลดปล่อยดวงวิญญาณของก้อย
...
ต่อจากนั้นหมอปลาพาคณะทั้งหมดไปที่บริเวณท่าริมน้ำของศาลาประชาคม อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นจุดที่เกิดเหตุนางสาวก้อยถูกแอม ไซยาไนด์ วางยา และเสียชีวิตล้มฟุบหัวใจวายเฉียบพลันบริเวณนั้น เพื่อทำพิธีกรรมเชิญดวงวิญญาณของน้องก้อยกลับบ้าน
ก่อนจะเริ่มพิธี หมอปลาได้สอบถามเรื่องราวกับ ส้ม พี่สาวของน้องก้อยที่เสียชีวิต ว่าเกิดอะไรขึ้น นางนิภาวรรณ พี่สาว ได้เล่าเรื่องราวให้หมอปลาฟังว่า ทางครอบครัวรู้สึกได้ว่าวิญญาณของน้องก้อยยังไม่ได้ไปสู่สุคติ ยังตามไปเข้าฝันญาติคนอื่นๆ อยู่ตลอด ทั้งแฟนเก่าและน้องสาวอีกคนซึ่งตั้งท้องได้ 4 เดือน ล่าสุด น้องสาวอีกคนที่ตั้งท้อง เล่าว่า ได้ฝันถึงก้อย 4 คืนติด ในฝันน้องก้อยมาหา หน้าตาสะสวย ผิวขาว และวิ่งมากอดน้อง แต่ในฝันน้องรู้ว่าก้อยตายไปแล้วจึงวิ่งหนี แต่ก้อยได้วิ่งตามและบอกว่า “ไม่ต้องกลัว กูยังไม่ตาย กูมีคนช่วยไว้” และเมื่อคืนนี้เอง น้องคนเดิมก็ฝันอีกว่า ครอบครัวและแม่น้องก้อยได้มาที่ท่าน้ำจุดที่ก้อยตาย และนำพวงมาลัยพวงหนึ่งที่สวยมากมาเรียกวิญญาณก้อยกลับบ้าน และแม่ได้โยนพวงมาลัยลงแม่น้ำ ซึ่งตอนที่น้องสาวเล่าให้ฟัง ตนยังไม่ได้บอกน้องสาวด้วยซ้ำว่า ได้ซื้อพวงมาลัยมาพวงหนึ่ง เมื่อน้องเล่าจบ จึงได้ส่งรูปพวงมาลัยพวงนั้นให้กับน้องสาวดู ว่าพวงมาลัยแบบนี้ใช่ไหม ซึ่งน้องสาวบอกทันทีว่า พวงมาลัยพวงนี้เลยที่น้องฝันเห็น ทำให้ครอบครัวไม่สบายใจ และอยากเชิญวิญญาณก้อยกลับบ้านให้ได้ เพราะก้อยไปหาแต่คนไกลตัว แต่ตนเองและแม่ ซึ่งเป็นคนสนิทของก้อยที่สุด ก้อยกลับไม่เคยมาหา รวมไปถึงก่อนที่น้องก้อยจะเสียชีวิต เมื่อ 19 กุมภาพันธ์ 66 หรือไม่ถึง 2 เดือน พี่ชายของก้อยได้ผูกคอตายไปก่อนหน้า โดยตอนนั้นก้อยเสียใจมาก และเคยพูดเป็นลางว่า “ทำไมมึงต้องตายด้วย มันควรเป็นกูที่ต้องตายแทนมากกว่า เพราะกูเจอปัญหามากกว่ามึงซะอีก” ตอนนั้นก้อยได้ใช้มือทุบอกและเคาะโลงบอกกับพี่ชาย ขณะอยู่บนรถกู้ภัย พร้อมเอาหัวโขกกระจกรถกู้ภัยร้องไห้ที่เสียพี่ชายไปกะทันหัน จึงไม่รู้ว่าการตายของน้องก้อยและพี่ชาย ซึ่งตายติดๆ กันในระยะเวลาไม่ถึงสองเดือนนั้นเกิดจากสาเหตุใด หรือครอบครัวของตนเองกำลังเจออาถรรพณ์อะไรหรือไม่ วันนี้จึงอยากให้หมอปลาเดินทางมาช่วยปลดปล่อยดวงวิญญาณของน้องสาว และช่วยหาสาเหตุว่า การเสียชีวิตของคนในครอบครัวทั้ง 2 ศพ เกิดจากอาถรรพณ์ หรือจากอะไรตรงไหนหรือไม่
ต่อจากนั้นหมอปลาได้เดินสำรวจพื้นที่บริเวณจุดที่นางสาวก้อยเสียชีวิต ก่อนจะไปสังเกตว่า จุดที่นางสาวก้อยเสียชีวิตนั้น อยู่ใกล้กับศาลเจ้าแม่เบิกไพร สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวอำเภอบ้านโป่งมักเข้ามากราบไหว้ขอพร หมอปลาจึงเชื่อว่าเหตุการณ์ที่นางสาวก้อยมาเข้าฝันญาติ และบอกว่า “มีคนช่วยกูไว้” น่าจะเป็นองค์เจ้าแม่เบิกไพร ที่รับดวงวิญญาณของนางสาวก้อยมาดูแล ขณะวิญญาณนางสาวก้อยได้หลุดออกจากร่าง ทำให้ถึงแม้ว่าครอบครัวจะเดินทางมาเชิญวิญญาณนางสาวก้อยที่จุดเกิดเหตุถึง 2 ครั้งแล้ว แต่ดวงวิญญาณไม่สามารถกลับไปได้ เนื่องจากยังคงอยู่ในความดูแลขององค์เจ้าแม่เบิกไพร หมอปลาจึงแนะนำว่า ให้ครอบครัวเดินทางไปจุดธูปขอดวงวิญญาณของนางสาวก้อยจากศาลเจ้าแม่เบิกไพรก่อน โดยมี นางทองพิน เกียรติชนะศิริ อายุ 63 ปี แม่ของนางสาวก้อย จุดธูปขอขมาและขอดวงวิญญาณของลูกสาวคืน
เสร็จแล้วหมอปลาจึงได้ให้ครอบครัวนางสาวก้อยมาทำพิธีเชิญวิญญาณ บริเวณจุดเกิดเหตุ โดยหมอปลาทันทีที่เดินลงท่าน้ำ เจ้าตัวมีอาการพะอืดพะอมจะอ้วก และบอกกับทีมข่าวว่า “ผมแย่ๆ รู้สึกไม่ดีเลย” หมอปลาจึงได้ทำพิธีสื่อสารกับดวงวิญญาณผ่านร่างของพี่สาวของนางสาวก้อย โดยระหว่างหมอปลาทำพิธี ได้บอกให้นางทองพินผู้เป็นแม่ เรียกชื่อของลูกสาว บอกให้กลับบ้านไปด้วยกัน บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า คนในครอบครัวต่างร้องไห้ออกมา
จากนั้นหมอปลาได้ให้แม่ของนางสาวก้อย นำพวงมาลัยที่เตรียมมาโยนลงแม่น้ำ พร้อมกับปักธูป จำนวน 14 ดอก เพื่อเป็นการขอขมาเจ้าที่เจ้าทาง ก่อนจะเดินทางพาดวงวิญญาณของนางสาวก้อยขึ้นรถกลับบ้านที่ ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี
...
กระทั่งเวลา 18.00 น. หมอปลามากับทีมงานและครอบครัวก้อย ได้มาถึงบ้านของก้อย เลขที่ 188/2 หมู่ 2 ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี หมอปลาได้ทักว่า พญานาคที่ก้อยเคยบูชานั้นไม่เป็นมงคล เพราะสีขาวกับสีดำ และได้เรียกทำพิธีเรียกชื่อก้อยให้กลับเข้าบ้าน.