ครูสาวทำเงินหล่นหาย 9 พัน ก่อนทราบว่ามีเด็กกลุ่มหนึ่งเก็บได้ เพราะมีคนหนึ่งนำเงินไปทำบุญหล่อเทียนพรรษาคนเดียว 1 พันบาท เรื่องลุกลามบานปลาย มีผู้ปกครองแจ้งความจับครู หลังทั้งตี ดุด่า แล้วพานักเรียน 14 คนไปโรงพักพบตำรวจโดยพลการ
วันที่ 8 ส.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีกลุ่มผู้ปกครองของนักเรียนโรงเรียนวัดวงเดือน ต.สามง่ามท่าโบสถ์ อ.หันคา จ.ชัยนาท ได้ออกมาร้องเรียนกับสื่อมวลชนถึงพฤติกรรมของ นางสาวอ้อมอารีย์ บ่อคำ (นามสกุลเดิมแข็งฤทธิ์) หรือครูอ้อม ที่ออกมาแฉเรื่องอาหารกลางวันเมื่อปี 2562 ล่าสุด ครูอ้อม ได้ทำการเฆี่ยนตีดุด่าเด็กนักเรียนด้วยถ้อยคำหยาบคาย สาเหตุเนื่องจากครูอ้อมได้ทำเงินหล่นหายจำนวน 9,000 บาท นอกจากนี้ยังได้พาตัวเด็กจำนวน 14 คนไปยังโรงพักโดยไม่บอกผู้ปกครอง ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่ไปยังโรงเรียวัดวงเดือนเพื่อสอบถามข้อเท็จจริง โดยมีนักจิตวิทยาของบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดชัยนาทลงพื้นที่ด้วย ขณะที่ครูอ้อมไม่ได้มาโรงเรียน เนื่องจากตั้งแต่มีกระแสข่าวออกไปอาจจะเกิดความเครียดจึงขอลาป่วย
นายสมพร ม่วงพันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองอ้ายสาม รักษาราชการแทนผู้อำนวยการโรงเรียนวัดวงเดือน เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งทางโรงเรียนได้จัดกิจกรรมแห่เทียน ซึ่งก่อนเกิดเหตุ นางสาวอ้อมอารีย์ บ่อคำ หรือครูอ้อม ได้ไปกดเงินประมาณ 9,000 บาท มาเพื่อที่จะใช้เป็นค่าเดินทางกลับบ้านที่ จ.แพร่ หลังจากการกดเงินเสร็จได้แวะไปไหว้พระที่วัดโฆสิตาราม (หลวงพ่อกวย) และซื้อเทียนเพื่อมาทำการตกแต่ง จากนั้นได้กลับมาที่โรงเรียน ซึ่งเงินที่กดมาวางอยู่ที่ตักอาจจะด้วยความรีบร้อนจึงทำให้เงินตกหายไป ทางครูอ้อมพอรู้ว่าเงินหายก็ได้สอบถามไปทางวัดโฆสิตาราม (หลวงพ่อกวย) ซึ่งทางวัดได้ทำการตรวจสอบให้แต่ก็ไม่พบ ครูอ้อมเองก็ทำใจ และได้โพสต์ลงเฟซบุ๊กว่าเงินหาย ต่อมาวันที่ 27 ก.ค. 2566 ทางโรงเรียนได้มีกิจกรรมแห่เทียน และครูอีกท่านหนึ่งได้สังเกตว่ามีเด็กนักเรียนคนหนึ่งร่วมทำบุญมาจำนวนเงิน 1,000 บาท ซึ่งครูท่านนั้นก็รู้สึกผิดสังเกตว่าทำไมเด็กนักเรียนมีเงินมาก และยังมีเด็กนักเรียนอีกคนหนึ่งได้ซื้อขนมเลี้ยงเพื่อน ซึ่งครูอีกคนพบเห็นจึงได้มาเล่าให้ครูอ้อมฟัง จึงทำให้ทราบว่าครูอ้อมทำเงินหาย ซึ่งหลังจากเสร็จกิจกรรมแห่เทียน ครูก็ได้เรียกเด็กมาสอบถามจึงทราบว่าเด็กนักเรียนได้เก็บเงินของครูอ้อมได้จริง โดยได้แบ่งเงินที่เก็บมาได้ให้เพื่อนอีกคนไปจำนวน 3,000 บาท ตนในฐานะที่รักษาการผู้อำนวยการโรงเรียนก็มีผู้ปกครองโทรศัพท์มาแจ้งว่าครูอ้อมได้กระทำการตีเด็กนักเรียน และใช้คำพูดที่ไม่สุภาพ นอกจากนี้ยังได้พาเด็กนักเรียน จำนวน 14 คนไปสถานีตำรวจ ซึ่งตอนนั้นตนเองยังไม่ทราบเรื่อง และได้นัดผู้ปกครองและกลุ่มเด็กนักเรียนมาทำการพูดคุยเมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2566 ที่ผ่านมา
...
"เด็กก็ยอมรับผิดว่าเก็บเงินได้จริงและแบ่งให้เพื่อน นอกจากนี้ทางโรงเรียนก็ได้มีการเรียกครูอ้อมมาพูดคุยถึงข้อเท็จจริงของเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งทางครูอ้อมได้แจ้งว่ารู้สึกผิดหวังกับเด็กเนื่องจากเด็กกลุ่มนี้มีความสนิทกับครูอ้อม และครูอ้อมก็ยอมรับผิดว่าตีเด็ก และใช้คำพูดที่รุนแรงกับเด็กจริง ทางโรงเรียนจึงได้กำชับกับครูอ้อมเรื่องของการตี หรือทำโทษนักเรียน ส่วนเรื่องที่ครูอ้อมพาเด็กนักเรียนไปสถานีตำรวจก็เพื่ออยากจะให้ตำรวจช่วยอบรมสั่งสอน และอยากจะให้เด็กเกิดความกลัวและไม่กระทำการแบบนี้อีก และไม่ได้มีการดำเนินคดีอะไรกับเด็ก ส่วนเรื่องการที่ไปข่มขู่กับเด็กที่ว่าหากไม่นำเงินมาชดใช้ก็ต้องติดคุกเป็นเหตุที่ทำให้ผู้ปกครองไม่พอใจ โดยพูดคุยกับกลุ่มผู้ปกครองที่มาร้องเรียนก็อยากจะให้ครูอ้อมนั้นย้ายออกจากโรงเรียนแห่งนี้ ซึ่งทางโรงเรียนก็ได้รายงานไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยนาทแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอนการสอบสวนข้อเท็จจริง ส่วนเรื่องประเด็นการย้ายของครูอ้อม ทางครูอ้อมได้มีการเขียนคำร้องขอย้ายกลับไปยัง จ.แพร่ ซึ่งเป็นบ้านเกิดแล้ว อยู่ระหว่างรอหนังสือคำสั่งออกช่วงเดือนกันยายน"
นายสมพร กล่าวอีกว่า ประเด็นที่มีข่าวออกไปว่าเด็กนักเรียนไม่อยากมาโรงเรียน ตอนนั้นเป็นเหตุการณ์ก่อนที่จะเรียกผู้ปกครองมาพูดคุย แต่ปัจจุบันขณะนี้กลุ่มนักเรียนดังกล่าวก็ได้กลับมาทำการเรียนตามปกติแล้ว และทาง ผอ.ได้กำชับถึงความปลอดภัยของบุตรหลานกับผู้ปกครอง ส่วนประเด็นที่มีข่าวนำเสนอไปถึงเรื่องเด็กนักเรียนย้ายออกไป 40 คนนั้น ปัจจุบันก็ยังไม่มีเด็กนักเรียนย้ายออกไป กลุ่มเด็กที่เก็บเงินได้ก็ยังมาเรียนตามปกติ
ในส่วน นางสาวอ้อมอารีย์ บ่อคำ หรือครูอ้อม ไม่ได้มาทำการสอนเนื่องจากหลังจากมีข่าวออกไปก็อาจจะทำให้เกิดความเครียด และเพื่อเป็นการลดประเด็นกับกลุ่มชาวบ้านจึงลาป่วยไป และกำลังรอเขตพื้นที่การศึกษาเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จ
ด้าน พ.ต.ท.กิตติพันธ์ ภูวเรืองพัฒน์ สารวัตรใหญ่ สภ.ห้วยงู และ พ.ต.ต.เกียรติศักดิ์ สิงหศิริ สว.(สอบสวน) สภ.ห้วยงู เปิดเผยว่า ในวันที่ 27 ก.ค. 2566 ที่ผ่านมา ครูอ้อมได้พาเด็กนักเรียนมาพบจำนวน 14 คน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการลงบันทึกประจำวันเกี่ยวกับเรื่องของเงินครูอ้อมหาย และยังได้มีการพูดคุยถึงข้อกฎหมายกับเด็กนักเรียนกลุ่มนี้เกี่ยวกับเรื่องของการลักขโมย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้สอนเด็กไป ส่วนเรื่องประเด็นที่มีกลุ่มผู้ปกครองเข้ามาแจ้งความร้องทุกกับครูอ้อมที่กระทำการตีเด็กอย่างรุนแรง เบื้องต้นได้มีผู้ปกครองเข้ามาแจ้งความแล้วจำนวน 5 คน ซึ่งทางตำรวจก็ได้รับเรื่องเอาไว้และสอบปากคำผู้ปกครองแล้ว โดยตำรวจยังไม่ได้มีการแจ้งขอกล่าวหากับครูอ้อมแต่อย่างใด และหลังจากนี้ก็จะเรียกครูอ้อมมาสอบปากคำและดำเนินการตามขึ้นตอนต่อไป.