สาววัย 24 ชาวราชบุรี ปวดท้องหนักหลังคลอดนานเกือบเดือน ส่องดูเจอก้อน ตัดสินใจดึงออก สุดช็อกพบเป็น "ผ้าก๊อซ" ก้อนเบ้อเร่อ สีช้ำเลือดช้ำหนอง ส่งกลิ่นเหม็นเน่ารุนแรงมาก จึงรีบรุดไป รพ.ที่ทำคลอด หมอบอกเพียงช่องคลอดบวมอักเสบแต่ไม่ติดเชื้อ สั่งยาให้กลับไปกินที่บ้านแต่ไม่ได้รับ เนื่องจากติดสิทธิ 30 บาท ไม่ได้พกเงินสด จึงขอโอนให้ แต่ จนท.บอกต้องมียอดโอนขั้นต่ำ 500 บาท สรุปไม่ได้ยากลับมากิน จึงระบายลงโซเชียล รพ.เห็นโพสต์เต้น รีบรุดมาดูอาการถึงบ้าน    

จากกรณีที่มีผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กชื่อ "น้ำฝน หวานน" โพสต์ข้อความระบุว่า "เอาเรื่องอยู่ล่ะโรงบาลไม่เห็นจะรับผิดชอบอะไรเลย ทำคลอดแต่ลืมเอาผ้าก๊อซออกจากช่องคลอด!!! ถ้าไม่เจ็บเพิ่มขึ้นไม่เจ็บนานกว่าปกติ คงไม่รู้เลยว่าหมอลืมเอาผ้าก๊อซออก แล้วไม่ใช่ก้อนเล็กๆเลย จนกลิ่นเหม็นเน่าไปหมด ถ้ารอวันตรวจหลังคลอดคงเน่าและติดเชื้อไปแล้ว พอมาตรวจภายในเพราะกลัวติดเชื้อ ก็แจ้งแค่มดลูกบวม อักเสบ รับยากลับบ้านได้ ก็ไม่เห็นแจ้งว่าทาง รพ.จะรับผิดชอบอะไรเลย" จนเป็นที่สนใจในสังคมโซเชียล และมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก

ล่าสุดวันที่ 20 มิ.ย. 66 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเช่าแห่งหนึ่งใน ต.เขาขลุง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เพื่อพบกับ น.ส.หวาน (นามสมมติ) อายุ 24 ปี ชาว อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ผู้เสียหาย และเป็นเจ้าของโพสต์ดังกล่าว โดยเจ้าตัวเปิดเผยว่า ตนเดินทางไปคลอดลูกที่ รพ.แห่งหนึ่งใน อ.โพธาราม เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 29 พ.ค. 66 ท้องนี้เป็นท้องแรก โดยคลอดด้วยวิธีธรรมชาติ หลังออกจาก รพ. ตนก็มีอาการปวดบริเวณช่องคลอดมาโดยตลอด ซึ่งวันแรกๆ ก็คิดว่าปวดแผลที่เย็บ จึงไม่ได้เอะใจหรือสงสัยอะไร แต่พอนานวันรู้สึกว่ายังมีอาการปวดหนักขึ้นกว่าเดิม และเหมือนมีอะไรอยู่ในช่องคลอด

...

"จนเมื่อคืนมีอาการปวดมากขึ้น เหมือนมีก้อนอะไรอยู่ในช่องคลอด จึงนำกระจกมาส่องดูก็เห็นก้อนขาวๆ อยู่ตรงช่องคลอด จึงบอกกับแม่ แม่จึงให้ตนลองดึงดูว่ามันเป็นอะไร ตนจึงค่อยๆ ดึงก้อนนั้นออกมา สรุปว่าเป็นผ้าก๊อซที่มีสีช้ำเลือดช้ำหนอง และมีกลิ่นเหม็นเน่ารุนแรงมาก วินาทีที่เห็นตนรู้สึกงง ตกใจ และกลัวไปหมด" น.ส.หวาน กล่าว

น.ส.หวาน กล่าวต่อว่า ตนสับสนมากว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี จึงปรึกษาเพื่อนที่เป็นพยาบาลว่าต้องทำอย่างไร เพื่อนแนะนำให้รีบไปหาหมอ เพราะถ้าติดเชื้อขึ้นมาจะเป็นอันตรายถึงชีวิต จนช่วงเช้าวันนี้ (20 มิ.ย.) เธอจึงรีบไปหาหมอและนำผ้าก๊อซไปให้หมอดู ซึ่งหลังได้พบหมอและเล่าเรื่องผ้าก๊อซที่ลืมไว้ในช่องคลอดให้ฟัง ทางพยาบาลก็รับผ้าก๊อซไป แต่ไม่รู้นำไปไหน ซึ่งคุณหมอบอกเพียงว่าช่องคลอดตนบวมและอักเสบ แต่ไม่ได้ติดเชื้อ เดี๋ยวจะให้ยากลับไปทานที่บ้าน

"แต่ที่สุดตนก็ไม่ได้รับยากลับบ้าน เพราะใช้สิทธิบัตรทองต้องจ่าย 30 บาท แต่ตนไม่ได้พกเงินสดไป จึงขอโอนให้กับทาง รพ. แต่ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่า ถ้าจะโอนต้องมียอดขั้นต่ำ 500 บาท เธอจึงไม่รู้จะทำยังไง เลยต้องกลับบ้านโดยไม่ได้รับยามารักษาตัว" น.ส.หวาน กล่าว

น.ส.หวาน กล่าวต่อว่า เมื่อมาถึงบ้านตนก็รู้สึกเจ็บที่ช่องคลอดจนทนไม่ไหว จึงต้องให้แฟนพาไปที่ รพ.เพื่อซื้อยากลับมาให้เธอ จนแม่ตนรู้สึกโมโหมาก เพราะที่จริงเป็นความผิดพลาดของทาง รพ. และเป็นเรื่องใหญ่ถึงขั้นทำให้ตนเสียชีวิตได้ แต่ทาง รพ.กลับไม่รับผิดชอบอะไรเลย ตนกับแม่จึงตัดสินใจโพสต์เรื่องราวทั้งหมดระบายลงโซเชียล จนทาง รพ.ทราบเรื่อง และเป็นช่วงที่แฟนของเธอไปซื้อยาให้ตนพอดี ทาง รพ.จึงขอติดตามมาดูอาการตนที่บ้าน พร้อมนำที่นอนเด็ก ชุดเซตแชมพูเด็ก นม และเครื่องดื่มเกลือแร่บำรุงหลังคลอด มามอบให้และจะรักษาตนให้ฟรีจนกว่าจะหายเป็นปกติ พร้อมกล่าวขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ทาง รพ.ไม่ได้พูดถึงว่าจะเยียวยาตนแต่อย่างใด

น.ส.หวาน กล่าวต่อว่า ช่วงระหว่างที่เธอมีอาการเจ็บปวดมากจนลุกทำอะไรไม่ได้นั้น แม่ตนต้องหยุดงาน หรือจ้างคนมาช่วยดูแลตนและลูก ทำให้ครอบครัวขาดรายได้ ซึ่งครอบครัวเธอทำงานหาเช้ากินค่ำ วันไหนหยุดก็จะไม่มีเงินใช้จ่ายภายในครอบครัว ซึ่งทางครอบครัวของเธออยากให้ทาง รพ.ออกมารับผิดชอบมากกว่านี้ เพราะตนเป็นห่วงสุขภาพในระยะยาว และเรื่องค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปด้วย สุดท้ายตนขอฝากทาง รพ.ทำอะไรขอให้รอบคอบและระมัดระวังมากกว่านี้ เพราะถ้ามีอาการติดเชื้อขึ้นมาอาจอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้

ด้าน นางเล็ก (นามสมมติ) แม่ของ น.ส.หวาน ผู้เสียหาย เล่าว่า ตนรู้สึกโมโหมากและไม่เข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนถึงได้โพสต์ลงสื่อโซเชียล เพราะกลัวครอบครัวจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะที่พูดถึงคือชีวิตคนทั้งชีวิตและเป็นชีวิตลูกสาวตนที่เพิ่งคลอดลูก แต่กลับมีผ้าก๊อซอยู่ในช่องคลอดแบบนี้มันใช่เหรอ แล้วถ้าลูกสาวตนติดเชื้อขึ้นมาจนเสียชีวิตใครจะรับผิดชอบ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ลูกสาวตนมีอาการเจ็บปวดทรมาน ตนต้องหยุดงานมาดูแลลูกสาวบ้าง บางครั้งต้องจ้างคนมาดูแลบ้าง ทำให้ตนต้องขาดรายได้ ในส่วนเงินตรงนี้ใครจะมารับผิดชอบ

...

"ที่เจ็บปวดที่สุดคือเมื่อลูกสาวเดินทางไปพบหมอ และไปแจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นกับทาง รพ. กลับไม่ได้ตกใจอะไรเลย ทั้งที่มันเกี่ยวกับชีวิตคนทั้งคน และไม่มีการดำเนินการอะไรเลย แถมลูกสาวก็ไม่ได้ยารักษากลับมาด้วย จึงทำให้ตนรู้สึกโมโหมาก แต่เมื่อโพสต์เรื่องออกไป ทาง รพ.ทราบเรื่องถึงได้เดินทางมาเยี่ยมลูกสาวตน แล้วนำของมามอบให้ และพูดขอโทษแค่นั้นมันเพียงพอแล้วหรือกับสุขภาพในระยะยาวของลูกสาวที่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากติดเชื้อขึ้นมา ตนอยากให้ทาง รพ.รับผิดชอบเยียวยาค่าเสียหายกับทางลูกสาวตน เพราะชีวิตคนทั้งชีวิตจะมามอบของไม่กี่ชิ้น แล้วพูดขอโทษคือจบๆ กันไปมันไม่ใช่" แม่ผู้เสียหาย กล่าว.