ปลัดอำเภอบางบัวทอง ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงปมบ้านมั่นคงไม่ตรงปก พบปัญหาชาวบ้านขาดความเชื่อมั่นกรรมการ จึงส่งเงินบ้างไม่ส่งบ้าง จนสหกรณ์ล้ม ไปต่อไม่ได้ ทุกอย่างจบเหมือนงูกินหาง

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 13 มิถุนายน นายยศวัฒน์ คงมี ปลัดอาวุโสอำเภอบางบัวทอง จ.นนทบุรี พร้อมด้วย นายสุพจน์ ทองอำนาจ กำนันตำบลบางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ลงพื้นที่ตรวจสอบโครงการก่อสร้างบ้านมั่นคง ที่สร้างเป็นเพียงเพิงพักสังกะสี คล้ายห้องแถวคนงานก่อสร้าง บริเวณหมู่ 8 ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี และร่วมพูดคุยกับ นายถนอมจิตร ถินมาลีอายุ 59 ปี ตัวแทนชาวบ้านเพื่อรับทราบปัญหา 

นายยศวัฒน์ กล่าวว่า หลังจากทราบข่าวว่าประชาชนในพื้นที่หมู่ 8 ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ได้รับความเดือดร้อนจากที่อยู่อาศัย ทางศูนย์ดำรงธรรมอำเภอบางบัวทอง โดยนายอำเภอบางบัวทองได้มอบหมาย ให้ตนลงพื้นที่มาตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากที่อยู่อาศัยในด้านความเป็นอยู่ เนื่องจากมีการตั้งกลุ่มสหกรณ์แล้วมีการเปลี่ยนคณะกรรมการ การบริหารของคณะกรรมการชุดเก่าและชุดใหม่ ไม่มีการพูดคุยกัน ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 

...

ที่ดินตรงนี้ได้มีการกู้งบจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เมื่อปี 2562 ได้ซื้อที่ดินตรงนี้เนื้อที่ประมาณ 4 ไร่ 1 งาน หลังจากนั้นกรรมการชุดเก่าได้มีการมาก่อสร้าง ให้เป็นที่พักชั่วคราวเป็นเพิงสังกะสีชั่วคราวในปี 63 และทางชุมชนตลาดเก่าก็ได้ย้ายเข้ามาอยู่ประมาณ 30 กว่าครัวเรือน แต่ทางกลุ่มสหกรณ์มีการส่งเงินอยู่ตลอด ประมาณ 10% จำนวน 100 กว่าคน หลังจากนั้นไม่มีการพูดคุยกันต่อเนื่อง เนื่องจากมีสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ก็เลยไม่มีการประชุม 

จนถึงทุกวันนี้ในส่วนของที่อยู่อาศัยก็ยังอยู่กันเหมือนเดิมคือยังเป็นเพิงสังกะสี ไม่มีการก่อสร้างพัฒนาอะไรกันเลย ในส่วนของศูนย์ดำรงธรรมอำเภอบางบัวทอง ก็จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนนทบุรี เพื่อมาช่วยกันแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน รวมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดตั้งสหกรณ์ขึ้นมาใหม่

นายสุพจน์ ทองอำนาจ กำนันตำบลบางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี กล่าวว่า ปัญหาเป็นเพราะกรรมการชุดเก่าขาดการบริหารงาน ทำให้กลุ่มขาดความศรัทธา เมื่อขาดศรัทธาความเชื่อมั่น คนเขาก็เริ่มทยอยไม่ส่งเงิน พอไม่ส่งเงินทุกอย่างก็เริ่มขาดแล้ว ทุกอย่างเริ่มจากความศรัทธาและโปร่งใส แล้วทุกอย่างก็จบเหมือนงูกินหาง พอขาดความเชื่อมั่นทุกอย่างก็ไปหมด พอปัญหาเกิดขึ้นในหลายปีคนก็เริ่มทยอยออกไม่ส่งทุกอย่างเงินก็ไม่เข้า การแก้ปัญหาประธานเองก็เสนอเพื่อที่จะปิดโครงการโดยมีการยุบสหกรณ์ แต่ชาวบ้านรู้ไหมกลุ่มรู้ไหมว่ามีการยุบสหกรณ์ เท่ากับปิดยกเลิกโครงการ ไปเลย  

การปิดโครงการคือกรรมการชุด 2 เป็นคนปิดโดยกรรมการชุด 1 หมดสภาพไปแล้ว พอมีปัญหาเรื่องความศรัทธา ชุด 2 จึงเข้ามามีความตั้งใจดี แต่หลักฐานขั้นตอนการทำงานต่างๆ ชุดเก่าไม่ได้ส่งมาให้ชุด 2 สานต่อ ชุด 2 เลยเดินไม่เป็น ชาวบ้านก็สงสัยว่าจะไปไม่รอดก็พากันหายหมด ส่วนที่ยังอยู่ตรงนี้เพราะเขาไม่มีที่ไป 

มันเป็นปัญหาความซ้ำซ้อนของการถูกหลอก โดนไล่จากตรงนู้นมาแล้วมาโดนตรงนี้อีก คนจนโดนซ้ำซาก ถามว่าจะแก้ปัญหาทำอย่างไรก็ต้องรื้อฟื้นทำสหกรณ์ใหม่ เอาสมาชิกมาเพิ่มจัดประชุมกันใหม่ ส่วนคดีที่ปิดบัญชีไม่ได้ก็ว่ากันไป และหากสมาชิกไม่พอก็เอามาจากชุมชนในตำบลที่ถูกไล่ที่ ที่บุกรุกที่ต่างๆ ไปประชาสัมพันธ์ให้เขามารวมกลุ่มกันตรงนี้ ก็จะสามารถแก้ปัญหาชุมชนแออัดในตำบลได้ด้วย

...

ด้านนายถนอมจิตร ถินมาลี อายุ 59 ปี กล่าวว่า ปัญหาเกิดจากกรรมการชุดเก่าไม่ได้ส่งเอกสารต่างๆ ให้กรรมการชุดใหม่ รวมทั้งเอกสารทางบัญชี เช่น การใช้จ่ายเงิน ที่มาที่ไปของเงิน บัญชีก็ไม่มาชี้แจงรายรับรายจ่าย ซึ่งตรงนี้มีผู้อาศัยอยู่ทั้งหมด 127 ราย ก็มีทั้งส่งเงินบ้างและไม่ส่งบ้างเพราะความไม่ไว้ใจ ถึงในช่วงแรกส่งกันทุกคน เพราะมีประชุมกันทุกเดือน โดยส่งแต่ละคนไม่เท่ากัน แต่ส่วนมากจะส่งเดือนละ 900 บาท ส่งเฉพาะค่าที่ดินค่าบ้านยังไม่ส่งบางคนก็ส่งค่าบ้านด้วย รวมแล้วบางคนส่งไปแสนกว่าบาทของผมส่งไปแล้ว 8 หมื่นกว่า ส่วนที่ดินต้องส่งเดือนละ 1,200-1,300 บาท ในช่วงแรกที่ตั้งสหกรณ์ แต่พอปีที่ติดโควิดก็ไม่มีประชุม 2-3 ปี ก็ส่งเงินบ้างไม่ส่งบ้างจนสหกรณ์ล้มลง 

นายถนอมจิตร กล่าวว่า ที่ก่อสร้างเพิงพักแห่งนี้เป็นเงินกองทุนที่เขามาสร้างให้ เพื่อว่าจะได้มีเงินเข้าสมทบมากขึ้นเพราะไม่ต้องไปเช่าบ้านอยู่ เดิมที่ประชุมกันบ้านจะต้องเป็นเสาปูนแต่พอมาทำก็เป็นลักษณะทางสังกะสี ตอนแรกที่เข้ามาอยู่ฝนตกก็เปียกกันหมดเพราะหลังคารั่ว อยู่กันไม่ได้ ต้องไปหาซื้อซิลิโคนมาอุดกันเอาเอง และหากเกิดฝนตกลมแรงอยู่กันไม่ได้หลังคาหลุดม้วนกันไปเป็นแถบๆ 

นายถนอมจิตร กล่าวว่า ที่ดินตรงนี้กลุ่มไม่มีปัญญาที่จะหาเงินมาสร้างบ้านเองได้ บางคนไม่มีอะไรเลยต้องไปกู้เงินเขามาส่งค่าที่ดินดอกร้อยละ 20 เพราะหากเดือนไหนไม่ส่งจะถูกปรับวันละ 200 บาท 

...

นายถนอมจิตร กล่าวว่า ในช่วง 2 ปีไม่มีการประชุมอะไรกันแต่ยอดเงินหาย ช่วงแรกตนออมเดือนละ 3,000 4,000 บาท บางเดือนก็ 5,000 บาทเพราะอยากได้บ้านเร็วๆ บางคนไม่ส่งเงินออมกัน เพราะมันไม่มีทางที่จะไปต่อได้ ความสำเร็จไม่น่าจะเป็นไปได้ เลยไม่ส่งเงินกัน เพราะขาดความเชื่อมั่นและส่งเงินไปก็ไม่รู้ว่าเงินหายไปไหน บางคนส่งไปแสนสองแสน ถามว่ายอดเงินยังเหลืออยู่ไหม หากโครงการเริ่มขึ้นเอาแค่มีการตอกเสาเข็มว่าโครงการขึ้นแล้ว คนก็จะเชื่อมั่นไม่มีใครทิ้ง 

นางอรุณศรี สุตนาม อายุ 67 ปี หนึ่งในผู้ร่วมโครงการ นำโพยบัญชีฝากเงินกับสหกรณ์ ให้กับผู้สื่อข่าวดู และกล่าวว่า เมื่อดูบัญชีพบว่าเงินหายไป ทั้งๆ ที่ไม่เคยถอนเพราะตัวเป็นๆ ยืนอยู่ตรงนี้แต่ในบัญชีกลับบอกว่ามีการถอนเงินออกไป 50,000 กว่าบาท ก็สงสัยตามบัญชีรายชื่อนี้มีการถอนเงินออกไปจริงหรือเปล่า เพราะเงินที่ถอนไปเป็นจำนวนเยอะมาก ป้าฝากไปประมาณ 150,000 บาท เบิกถอนไป 56,000 บาท แต่จริงๆ แล้วไม่ได้ไปเบิกเงินเลย บัญชีนี้ไม่มีใครรู้ว่าได้มา เพราะบัญชีนี้เขาไม่ได้ให้ลูกบ้าน เขาเอาไปซ่อนก็ไปค้นเจอพอดีและประธานก็ไม่มานานแล้ว ประธานเขาก็พูดตลอดว่าเขาไม่ได้โกง เราก็ไม่ได้ว่าเขาโกง แค่อยากให้เขามาเคลียร์ว่ามันจริงไหมคนที่เอาเงินไป ตอนนี้เดือดร้อนเรื่องที่อยู่อยากให้เขามาดำเนินการ เพราะไม่มีที่จะไป