ชาวบ้านยืนยันระบบประปาอ่างเก็บน้ำโป่งสามสิบ อ.บางสะพาน จ.ประจวบฯ งบประมาณหลายสิบล้าน สร้างเสร็จมีการทดลองเดินเครื่องสูบน้ำขึ้นไปยังแท็งก์น้ำบนเนินเขาครั้งเดียว คำนวณค่าไฟครั้งละกว่า 1 หมื่น ไม่เคยมีการใช้งานจริง เผยผู้ทำเรื่องขอพระราชทานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริคืออดีตนายก อบต. แนววางท่อไปทับซ้อนกับแนวท่อส่งน้ำดิบเดิมที่ใช้เพื่อการเกษตร
จากกรณีที่ นายรุ่งโรจน์ รัตนแก้ว อายุ 40 ปี ชาวบ้าน ม.4 ต.ทองมงคล อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้มีการร้องปัญหาผ่านสื่อฯ เกี่ยวกับโครงการระบบประปาอ่างเก็บน้ำโป่งสามสิบ ซึ่งเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ ซึ่งมีการก่อสร้างแล้วเสร็จตั้งแต่ช่วงประมาณปี 2563 - 2564 แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่เคยมีการเปิดใช้งานให้ชาวบ้านได้ใช้ประโยชน์เลย ถูกปล่อยให้เป็นอาคารร้าง พร้อมตั้งข้อสังเกตถึงการให้ข้อมูลของหน่วยงานฯ บางแห่ง ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่อสาธารณชน

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพูดคุยก้บ นายอนันต์ งามคง อายุ 67 ปี ชาวบ้าน ม.8 ต.ทองมงคล อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่มีบ้านอยู่ใกล้กับอ่างเก็บน้ำโป่งสามสิบ เป็นผู้ที่ทราบเรื่องราวของการขอพระราชทานโครงการฯ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เมื่อปี พ.ศ. 2553 และเป็นผู้ที่เคยคัดค้านการวางแนวท่อของในช่วงที่มีการประชุมชี้แจงโครงการฯ ภายหลังได้รับงบประมาณ
...
นายอนันต์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตั้งแต่มีการก่อสร้างโครงการระบบประปาอ่างเก็บน้ำโป่งสามสิบอันเนื่องมาจากพระราชดำริเสร็จสมบูรณ์ ตนยืนยันว่ายังไม่เคยมีการเปิดใช้งานให้ชาวบ้านได้ใช้ประโยชน์เลย มีแค่การทดสอบลองสูบน้ำส่งต่อไปยังอาคารแท็งก์รับน้ำบนเนินเขาเพื่อคำนวณว่าจะใช้ระยะเวลาเท่าไร และจะต้องใช้ค่ากระแสไฟเท่าไร ซึ่งเท่าที่ทราบในเเต่ละครั้งต้องใช้ค่าใช้จ่ายหลักหมื่นบาทต่อการสูบน้ำขึ้นไปยังอาคารแท็งก์รับน้ำ ซึ่งโครงการฯ ทุกวันนี้ก็เป็นอย่างที่เห็นถูกปล่อยให้รกร้างไม่มีการใช้งานเลยตั้งแต่สร้างเสร็จ

หากจะถามเรื่องของที่มาของโครงการนั้น เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อปี 2553 โดยอดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบลทองมงคลคนเก่าได้ทำเรื่องกราบบังคมทูลฯขอพระราชทานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริจากในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งเหตุผลที่อดีตนายกฯ อบต.ทองมงคล ทำเรื่องขอพระราชทานโครงการฯ ไปเพราะต้องการที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำให้กับชาวบ้าน หมู่ 4 และหมู่ 5 ที่อยู่ติดแนวถนนเพชรเกษมทั้งสองฝั่ง ซึ่งอยู่ห่างจากอ่างเก็บน้ำไปหลายกิโลเมตร ระบบจ่ายน้ำดิบเพื่อการเกษตรเดิมที่ชาวบ้านใช้อยู่นั้นไม่มีแรงดันน้ำพอที่จะส่งไปถึงชาวบ้านที่อยู่ด้านนอกตามแนวถนนเพชรเกษมทั้งสองฝั่ง
นายอนันต์ กล่าวต่อว่า ภายหลังจากที่ทราบว่าโครงการฯ ได้รับอนุมัติงบประมาณมา ทางหน่วยงานที่จะก่อสร้างเคยมีการจัดประชุมชี้แจงโครงการฯซึ่งในครั้งนั้นตนได้เข้าร่วมประชุมและได้มีการแสดงความเห็นคัดค้านไปในเรื่องของแนวการวางท่อส่งน้ำ ว่าทำไมไม่เดินท่อส่งตรงไปที่ชาวบ้าน ม.5 ที่อยู่แนวถนนเพชรเกษม ทำไมยังคงเดินท่อส่งตามแนวที่ออกไปยัง ม.4 ซึ่งทับกับแนวเส้นทางเดิมของท่อส่งน้ำดิบเพื่อการเกษตรเดิม ทางผู้ชี้แจงโครงการฯ ในตอนนั้น ได้ชี้แจงว่าแบบมันมาอย่างนั้น ซึ่งตนก็ได้แค่คัดค้านไปตามแนวทางที่ควรจะเป็น ไม่มีโอกาสได้เห็นแบบ

“เท่าที่ทราบเส้นแนวท่อส่งน้ำที่โครงการฯ จะวางซ้ำซ้อนกับแนวท่อส่งน้ำดิบเพื่อการเกษตรเดิม ซึ่งท่อโครงการฯเส้นใหม่ หากชาวบ้านต้องการใช้จริงๆ ก็จะมีการเรียกเก็บเงินค่าน้ำที่คำนวณต้นทุนจากค่ากระแสไฟในการเดินเครื่องสูบ จ่ายน้ำขึ้นไปบนอาคารรับน้ำ คงไม่มีชาวบ้านคนไหนอยากใช้หรอก เพราะต้องเสียค่าใช้จ่าย และท่อส่งน้ำดิบเพื่อการเกษตรเดิมที่มีอยู่ชาวบ้านก็ยังใช้ประโยชน์ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย” นายอนันต์ กล่าว
...