สืบ ตม.ล็อกคีย์แมน 2 แก๊งคอลเซ็นเตอร์แดนมังกร หนีมาซุกคอนโดกลางกรุง และบ้านหรูเชียงใหม่ หลัง หลอกเหยื่อลงทุนคริปโต-โทร.ตุ๋นอ้างเป็นเจ้าหน้าที่จีน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 8,500 ล้านบาท ด้านตำรวจไซเบอร์ปูพรมกวาดล้างสกัดขบวนการขายซิมม้าทั่วประเทศ ตะลึงยึดของกลางกว่า 1.08 แสนเลขหมาย เผยช่องโหว่ซิมแจกฟรีตามตลาดนัด หลอกให้ชาวบ้านลงทะเบียนเปิดเบอร์ ก่อนเก็บไปขายต่อให้นายหน้าส่งแก๊งคอลฯฝั่งเขมร
ที่สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เมืองทองธานี จ.นนทบุรี เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 19 พ.ค. พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. แถลงผลกวาดล้างอาชญากรรม ห้วงวันที่ 4-13 พ.ค. จับกุมคนต่างด้าวอยู่เกินกำหนดอนุญาต (Overstay) 1,272 ราย และจับหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์จีน
หลังได้รับการประสานจากเอกอัครราชทูตจีน ประจำประเทศไทย และเจ้าหน้าที่ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมเมืองเซี่ยงไฮ้ ให้จับกุมนายโจว อายุ 35 ปี สัญชาติจีน ผู้ต้องหาตามหมายจับของจีน เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ระดับสั่งการ หลบหนีมาซ่อนอยู่ในคอนโดฯหรูย่านพระราม 9
จากนั้นขยายผลจับคนจีนอีก 2 คน เป็นระดับผู้บริหารแก๊งดังกล่าว คือ นายหลี่ อายุ 27 ปี และนายหวง อายุ 37 ปี ทั้งสองมีหมายจับของจีน นายหลี่ พักอยู่คอนโดฯย่านทองหล่อ ส่วนนายหวงพักอยู่คอนโดฯย่านวัฒนา พฤติการณ์แก๊งนี้จะจัดตั้งฐานอยู่ที่เมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา โฆษณาชักชวนให้ลงทุนบนแพลตฟอร์มเกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซี เมื่อมีผู้หลงเชื่อจะพูดคุยผ่านแอปพลิเคชัน และชักชวนหลอกลงทุน มูลค่าความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท
อีกคดีจับกุมนางหยาง อายุ 35 ปี สัญชาติจีน หัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์จีน ตั้งฐานอยู่ในเขตปกครองพิเศษว้า ประเทศเมียนมา หลบหนีเข้าเมืองไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ จับกุมได้ขณะซ่อนตัวในบ้านหลังหนึ่งที่ จ.เชียงใหม่ ยึดโทรศัพท์มือถือจำนวนมาก แจ้งข้อหา “เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดย ไม่ได้รับอนุญาต” พฤติการณ์แก๊งนี้จะโทรศัพท์หาผู้เสียหาย อ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หรือพนักงานอัยการ หรือตำรวจ ข่มขู่ผู้เสียหายว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีอาญาและฟอกเงิน ก่อนให้ผู้เสียหายโอนเงิน กระทําผิดเชื่อมโยงกว่า 8,500 คดี ความเสียหายกว่า 8,000 ล้านบาท
...

วันเดียวกัน ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี จ.นนทบุรี พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. แถลงผลการปูพรมตรวจค้นทั่วประเทศ 40 จุด ช่วงกลางเดือน พ.ค. ในพื้นที่ 8 จังหวัด คือ เชียงราย, ยโสธร, ขอนแก่น, นครราชสีมา, นครปฐม, สมุทรสาคร, กรุงเทพฯ และสงขลา จับผู้ต้องหา 8 ราย ยึดของกลางซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ 108,789 ซิม เครื่องตรวจวันหมดอายุซิม 2 เครื่อง คอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือจำนวนหนึ่ง และเมื่อช่วงเช้าเข้าตรวจค้นอีก 4 จุด
จุดแรก บก.สอท.2 นำหมายศาลอาญามีนบุรี เข้าค้นบ้านเลขที่ 200/145 หมู่บ้านรัชธานี 10 ซอย 2 ถนนคู้บอน 27 แยก 10 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม. พบซิมมือถือค่ายดีแทคและเอไอเอสจำนวนมาก โดยซิมมือถือดีแทค ลงทะเบียนแล้ว 1,575 ซิม และซิมเอไอเอส ลงทะเบียนแล้ว 215 ซิม โทรศัพท์มือถือที่ใช้อ่านซิม 2 เครื่อง สมุดบันทึกรหัสลงทะเบียน 1 เล่ม จับกุม น.ส.ภัทรานิษฐ์ บุญศรี อายุ 45 ปี ผู้ขายซิมที่ลงทะเบียนให้กับลูกค้า เพราะเป็นตัวแทนขายซิมมือถือค่ายเอไอเอสและดีแทค ทำให้มีรหัสในการลงทะเบียนซิมโดยไม่ต้องแกะซองออก ส่วนการลงทะเบียนซิมของค่ายดีแทคจะใช้เลข 13 หลัก (หมุนเลขสุ่ม) ของนายโซ เฮือด ซิม ชาวกัมพูชา ในการลงทะเบียนทั้งหมด
จุดที่ 2 เข้าค้นห้องพักเลขที่ 338/1584 หมู่ 4 หมู่บ้านการเคหะท่าจีนอาคาร 9 ต.ท่าจีน อ.เมืองสมุทรสาคร จับกุม น.ส.สาริศา ศิระวัฒนะ อายุ 33 ปี พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ โน้ตบุ๊ก ซิมการ์ดแบบลงทะเบียนพร้อมใช้ 102,180 ซิม ส่วนจุดที่ 3 และจุดที่ 4 เข้าตรวจค้นในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก จับกุมผู้ต้องหา 6 ราย พร้อมของกลางเป็นซิมโทรศัพท์ 4,804 เลขหมาย ปืน 1 กระบอก บัตรประจำตัวบุคคลต่างด้าว และโทรศัพท์มือถือจำนวนมาก
พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 เปิดเผยว่า พฤติการณ์ของผู้ต้องหาที่ สอท.3 จับกุมเมื่อวันที่ 18 พ.ค. พบกลุ่มนี้เป็นอดีตพนักงานค่ายมือถือ ผันตัวออกมาทำร้านขายโทรศัพท์เอง นำซิมแจกฟรีไปแจกที่ตลาดนัด เมื่อประชาชนเห็นเป็นซิมฟรีและสนใจลงทะเบียนเปิดเบอร์ ก่อนจะรู้ว่าต้องเติมเงินเข้าไปก่อนใช้งาน ส่วนใหญ่ตัดสินใจทิ้งซิมดังกล่าว ผู้ต้องหาจะเก็บซิมที่ลงทะเบียนแล้วไปขายต่อให้นายหน้าซิมละ 20 บาท นายหน้าจะขายทำกำไร ซิมละ 39 บาท มีค่าส่งซิมละ 10 บาท ซิมม้าทั้งหมดจะถูกส่งไป อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ให้แก๊งคอลฯในกัมพูชา
พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. เผยว่า ผู้ต้องหาที่จับกุมส่วนใหญ่มีความเกี่ยวข้องกับค่ายมือถือ หรือเป็นอดีตพนักงาน หลังจากนี้ราคาซิมที่ลงทะเบียนแล้ว และนำไปขายต่อจะมีราคาพุ่งสูงขึ้น สอท.จะส่งข้อมูลให้ กสทช. ตรวจสอบ และประสานค่ายมือถือ เช็กย้อนกลับไปว่าที่มาของแต่ละเบอร์มาจากดีลเลอร์รายใด เพื่อพิจารณามาตรการจัดการกับดีลเลอร์เหล่านั้น ก่อนหน้านี้ค่ายมือถือเคยยกเลิกสัญญากับดีลเลอร์ที่กระทำการในลักษณะนี้มาแล้ว ฝากเตือนไปยังกลุ่มผู้ที่รับเปิด รับซื้อ หรือ ให้เช่าเบอร์ มีความผิดตามกฎหมาย มีโทษจำคุก 3 ปี ปรับ 3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนผู้ที่จัดหา หรือโฆษณาขายซิมม้า มีโทษจำคุก 2-5 ปี ปรับ 2-5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
...