มจร.วัดไร่ขิง จัดโครงการพัฒนาสมรรถนะการเรียนรู้สำหรับพระสอนศีลธรรมเชิงรุก ผู้เผยแพร่คำสอน นำติวเข้มจึงต้องรู้สภาพปัญหา ความเข้าใจในมิติของการนำไปใช้ในชีวิตจริง และทราบวิธีคิดของเยาวชนเพื่อถ่ายทอดความรู้ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง

เมื่อวันที่ 12 เม.ย. 66 พระมหาบุญเลิศ อินฺทปญฺโญ รอง ผอ.วส.พุทธปัญญาศรีทวารวดี หรือ มจร. วัดไร่ขิง กล่าวว่า มจร. วัดไร่ขิง ได้จัดโครงการพัฒนาสมรรถนะการจัดการเรียนรู้สำหรับพระสอนศีลธรรม การอบรมหลักสูตร การพัฒนาศักยภาพพระสงฆ์นักเผยแผ่ในสถานศึกษาเชิงรุก ประจำปีงบประมาณ 2566 ซึ่ง มจร. วัดไร่ขิง เป็นศูนย์อำนวยการพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนประจำ จ.นครปฐม สมุทรสาคร

ซึ่งการปฏิบัติหน้าที่ของพระสอนศีลธรรมนั้นมีความสำคัญเพราะเป็นผู้เผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งพระสอนศีลธรรมจะได้รับนิมนต์จากโรงเรียนให้เข้าไปเป็นพระอาจารย์ผู้ช่วยสอนสาระการเรียนรู้พระพุทธศาสนา ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เพื่อพัฒนาเด็กนักเรียน เยาวชน ให้มีภูมิคุ้มกันเป็นเด็กที่ดี เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ

...

"ดังนั้น ศูนย์อำนวยการพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน วส.พุทธปัญญาศรีทวารวดี หรือ มจร.วัดไร่ขิง จึงจัดโครงการพัฒนาสมรรถนะการจัดการเรียนรู้สำหรับพระสอนศีลธรรม การอบรมหลักสูตร การพัฒนาศักยภาพพระสงฆ์นักเผยแผ่ในสถานศึกษาเชิงรุก เพื่อศึกษาสภาพปัญหา ความเข้าใจ และทักษะในการวางแผนการจัดการเรียนรู้ของพระสอนศีลธรรม เพื่อพัฒนาทักษะการคิด การจัดการให้เผชิญสถานการณ์ และประยุกต์ความรู้ เกิดผลต่อผู้เรียนในมิติของการนำไปใช้ในชีวิตจริง เพื่อพัฒนาสมรรถนะพระสอนศีลธรรมให้มีความรู้ความสามารถจัดการเรียนรู้ในรูปแบบใหม่ที่ช่วยเสริมสร้างคุณธรรมแก่นักเรียน" พระมหาบุญเลิศกล่าว

พระมหาบุญเลิศ กล่าวด้วยว่า โครงการดังกล่าว มีผู้เข้าร่วมอบรม 324 รูป ประกอบด้วย พระสอนศีลธรรมในโรงเรียน จ.นครปฐม 252 รูป พระสอนศีลธรรมในโรงเรียนจ.สมุทรสาครจำนวน 72 รูป

รองผอ.วส.พุทธปัญญาศรีทวารวดี กล่าวเพิ่มว่า การจัดการเรียนรู้เพื่อกระตุ้นการสอนแบบมัชเณนธรรม จะทราบถึงสภาพปัญหาวิธีคิดของเยาวชนในปัจจุบัน ยึดมั่นในลัทธิเสรีภาพแต่ขาดความรับผิดชอบ มองเห็นว่าตนถูกกระทำ แต่ไม่เห็นการกระทำของตน บูชาความเท่าเทียมจนละเลยความเคารพ มองเห็นอนาคต แต่ขาดฐานประวัติศาสตร์ คิดแบบดิจิทัล มองไม่เห็นองค์รวม ตั้งคำถามต่อประเด็นอ่อนไหวของสังคม เช่น ความกตัญญู ความเป็นครอบครัว ความจำเป็นขององค์กรทางสังคม

ดังนั้นจะต้องมีกระบวนการสอนที่แก้ปัญหาดังกล่าว คือ ต้องมีการถ่ายทอดความรู้ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง อย่าสอนตามตำรา เพราะเด็กสามารถอ่านเองได้ แต่ควรเน้นสร้างสรรค์กิจกรรมให้เด็กมีส่วนร่วม ควรวัดผลการเรียนรู้ด้วยการประเมินพฤติกรรม ทั้งใช้ความเห็นของเพื่อนร่วมชั้นมาช่วยตัดสินคะแนน เป็นต้น