พ่อเหยื่อ นศ.จีนเข้าพบตำรวจขอดูข้อมูลการเสียชีวิตของลูกสาว สุดกลั้นร่ำไห้โฮสงสารลูก พร้อมขอดูจุดฆ่าและทิ้งศพ เตรียมเผาศพนำอัฐิกลับบ้านเกิด หลังตำรวจจีนรวบ 3 หนุ่มแดนมังกรแก๊งทมิฬได้แล้ว ขณะที่ ผบ.ตร.เผยการสอบสวนจะร่วมกันทั้ง 2 ประเทศ ทางการจีนยืนยันไม่ส่งตัวกลับไทย เพราะกฎหมายจีนมีอัตราโทษสูงถึงประหารชีวิต คุมสาวไทยนกต่อฝากขังศาลไม่ให้ประกันส่งเข้าเรือนจำทันที
ภายหลังตำรวจจีนล็อกตัว 3 หนุ่มแดนมังกรแก๊งทมิฬ ประกอบด้วย นายโจว เผิงเฟย อายุ 24 ปี นายเฉิน ไซกัง อายุ 23 ปี และนายโจว เซี่ยวเฟย อายุ 23 ปี สังหาร น.ส.จิน ซ่าน อายุ 22 ปี นักศึกษาปี 3 คณะดนตรี มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี อย่างโหดเหี้ยมยัดศพใส่ถุงนำไปทิ้งร่องน้ำติดกับสวนบัว หมู่ 6 ต.บางใหญ่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี แล้วเรียกค่าไถ่จากพ่อเหยื่อ 5 แสนหยวน หรือราว 2.5 ล้านบาท หลังก่อเหตุผู้ต้องหาทั้ง 3 คนขึ้นเครื่องบินกลับเมืองเฉิงตู ประเทศจีน กระทั่งถูกจับกุมยกแก๊ง นอกจากนี้ตำรวจจับกุม น.ส.ชนิดา มาทอง อายุ 19 ปี ทำงานร้านคาราโอเกะที่ซอยอินทามระ 45 เป็นคนให้คำปรึกษาแนะนำในการก่อเหตุ
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 4 เม.ย. พ.ต.ท.อนันท์ ปานทอง สว. (สอบสวน) สภ.บางแม่นาง จ.นนทบุรี นำตัว น.ส.ชนิดา มาทอง อายุ 19 ปี มาสอบปากคำเพิ่มเติมและพิมพ์ลายนิ้วมือ ให้การยอมรับอ้างว่า รู้จักกับกลุ่มคนร้ายชายชาวจีนทั้ง 3 คน เนื่องจากเป็นลูกค้ามาเที่ยวที่ร้านจนสนิทกัน พร้อมให้คำปรึกษาและแนะนำกลุ่มคนร้าย หลังจากสอบปากคำเสร็จพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังเรียกค่าไถ่ และร่วมกันซุกซ่อนทำลายศพ ควบคุมตัว น.ส.ชนิดาส่งตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดนนทบุรี ระหว่างนำตัวขึ้นรถ น.ส.ชนิดาใช้ผ้าขนหนูคลุมศีรษะเพื่อปกปิดใบหน้ารีบเดินขึ้นรถทันที โดย พนง.สอบสวนยื่นขอผัดฟ้องฝากขังพร้อมคัดค้านประกันตัว ศาลพิจารณาแล้วให้ผัดฟ้องฝากขังได้ และไม่อนุญาตประกันตัวคุมส่งเรือนจำนนทบุรีต่อไป
...
ต่อมาเวลา 12.30 น. นายจิน หลี่เผิง อายุ 48 ปี พ่อของ น.ส.จิน ซ่าน อายุ 22 ปี พร้อมญาติและล่าม เดินทางมาจากประเทศจีนเข้าพบ พ.ต.อ.สมพล วงศ์ศรีสุนทร รอง ผบก.ภ.จ.นนทบุรี พ.ต.อ.ธรรศกร ก้อนทอง ผกก.สภ.บางแม่นาง นายจิน หลี่เผิง พูดผ่านล่ามว่า อยากทราบข้อมูลการเสียชีวิตของลูกสาว เมื่อตำรวจนำข้อมูลภาพถ่ายและรายละเอียดของคดีทั้งหมดให้ดู นายจินร้องไห้เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะสงสารลูก พร้อมขอให้ตำรวจพาไปยังบ้านที่เกิดเหตุและจุดที่คนร้ายนำศพลูกสาวไปทิ้ง ต่อมาตำรวจพานายจินขึ้นรถตู้ไปยังจุดต่างๆ นายจินอยู่ในอาการโศกเศร้าตลอดเวลา มีญาติคอยปลอบใจก่อนกลับมาที่โรงพัก เพื่อสอบปากคำในฐานะผู้เสียหาย
พ.ต.อ.สมพล วงศ์ศรีสุนทร รอง ผบก.ภ.จ.นนทบุรี กล่าวว่า พนักงานสอบสวนสอบปากคำนายจินในฐานะผู้เสียหาย พร้อมอธิบายขั้นตอนการรวบ รวมพยานหลักฐานพิสูจน์ทราบว่า คนร้ายที่ฆาตกรรมลูกสาวนายจินเป็นใคร และจะต้องตรวจดีเอ็นเอของพ่อผู้เสียชีวิต เพื่อเปรียบเทียบว่าตรงกับผู้เสียชีวิตหรือไม่ เพื่อเป็นข้อมูลหลักฐานยืนยันติดต่อขอรับศพไปทำพิธีทางศาสนา หลังจากแพทย์สำนักงานนิติเวช รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ จ.ปทุมธานี ชันสูตรศพจนสิ้นข้อสงสัยแล้วจะมอบศพให้ญาติ จากนั้นสมาคมการค้าธุรกิจและอุตสาหกรรมไทย-เวินโจว จะช่วยเหลือดูแลเรื่องการหาวัดเพื่อฌาปนกิจศพ น.ส.จิน ซ่าน เพื่อนำเถ้ากระดูกกลับประเทศจีน
ขณะที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. กล่าวว่า ตำรวจจีนจับกุมนายโจว เผิงเฟย อายุ 24 ปี นายเฉิน ไซกัง อายุ 23 ปี และนายโจว เซี่ยวเฟย อายุ 23 ปี ชาวเมืองเหอเป่ย ประเทศจีน ตามหมายจับข้อหาร่วมกันก่อเหตุฆาตกรรม น.ส.จิน ซ่าน แล้วหลบหนีไปประเทศจีน ตำรวจสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของไทยส่งพนักงานสอบสวนไปถึงที่เมืองปักกิ่งแล้ว อยู่ระหว่างเดินทางไปสอบปากคำผู้ต้องหาร่วมกับทางการจีนถึงสาเหตุการฆาตกรรมครั้งนี้ การสอบสวนจะร่วมกันทั้ง 2 ประเทศ ขั้นตอนการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาแบ่งเป็น 2 แนวทาง คือ เหตุที่เกิดขึ้นครั้งนี้ผู้ต้องหาและผู้เสียชีวิตเป็นคนจีน เกิดเหตุนอกประเทศจีนและทางการจีนจับกุมผู้ต้องหาภายในประเทศจีน สามารถดำเนินคดีที่ประเทศจีน ไม่ต้องส่งตัวผู้ต้องหากลับมาประเทศไทย เพราะกฎหมายของประเทศจีนมีอัตราโทษสูงถึงประหารชีวิต ตามขั้นตอนตำรวจไทยจะต้องรวบรวมพยานหลักฐานทั้งก่อนและหลังเกิดเหตุ รวมทั้งการแจ้งความที่อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับคดีส่งไปให้ทางการจีนเพื่อพิจารณาคดีในชั้นศาล
ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า ในทางกลับกันหากเป็นคนไทยที่ก่อเหตุฆาตกรรมกันเองที่ต่างประเทศ แล้วทางการไทยจับผู้ต้องหาในประเทศไทยสามารถดำเนินคดีที่ไทยได้เช่นกัน ส่วนกรณีสอบปากคำหญิงไทยที่เป็นสาวคาราโอเกะวัย 19 ปี ซอยอินทามระ 45 ทำหน้าที่เป็นนกต่อ ถือว่าให้การที่เป็นประโยชน์ แต่ในรายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยได้ พฤติการณ์ของกลุ่มผู้ต้องหาชาวจีนที่ร่วมกันก่อเหตุฆาตกรรม น.ส.จิน ซ่าน พบว่า กลุ่มผู้ต้องหาเดินทางมาที่ไทยเมื่อวันที่ 8 มี.ค.66 จากนั้นจัดหาที่พักอาศัย มีหญิงไทยวัย 19 ปี ที่รู้จักกับกลุ่มผู้ต้องหาผ่านแอปพลิเคชัน ทำหน้าที่เป็นนางนกต่อช่วยแนะนำสถานที่พักอาศัย ยานพาหนะ เส้นทาง รวมทั้งร่วมสนับสนุนก่อเหตุฆาตกรรมอำพราง ที่ผ่านมากลุ่มผู้ต้องหามีความสัมพันธ์รู้จักกับผู้เสียชีวิตระดับหนึ่งตอนอยู่ที่ประเทศจีน และเมื่อมาไทยนัดพบกัน 1 ใน 3 คนร้ายบังคับให้ผู้เสียชีวิตร่วมหลับนอน แต่ถูกปฏิเสธทำให้ไม่พอใจจนนำมาสู่การวางแผนเรียกค่าไถ่จากพ่อที่อยู่เมืองจีนเป็นเงิน 5 แสนหยวน หรือราว 2.5 ล้านบาท แต่ยังไม่มีการตกลงกัน กระทั่งทางการจีนประสานว่าจับกุมผู้ต้องหาชาวจีนได้ที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลเหอเป่ย ประเทศจีน และขยายผลจับหญิงไทยอายุ 19 ปี ที่เป็นนกต่อตรวจสอบประวัติพบว่า ผู้ต้องหาชาวจีนเคยก่อเหตุคดีอาชญากรรมที่จีนมาแล้ว ส่วนรายละเอียดทางคดีเพิ่มเติมตำรวจอยู่ระหว่างการขยายผล
ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า วันที่ 5 เม.ย.จะเรียก พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. มาพูดคุยเพื่อวางแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาเรื่องชาวต่างชาติเข้ามาก่อเหตุอาชญากรรมในไทย ส่วนหนึ่งต้องทบทวน Visa on Arrival ที่อนุญาตให้คนจีนมาขอทำที่สนามบินปลายทาง ส่วนจะถึงขั้นยกเลิกวีซ่าดังกล่าวกับนักท่องเที่ยวชาวจีนหรือไม่ เห็นว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ตนไม่อาจก้าวล่วง ต้องหารือร่วมกันหลายหน่วยงาน
...
ด้าน พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.กคม. กล่าวถึงขั้นตอนการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาชาวจีนที่มาก่อเหตุฆ่าชาวจีนด้วยกันและหลบหนีไปที่ประเทศจีนและถูกทางการจีนจับกุมว่า กรณีดังกล่าวเทียบเคียงกับกฎหมายไทยจะดำเนินคดีกับผู้ต้องหาตามมาตรา 8 ผู้ใดกระทำความผิดนอกราชอาณาจักร และกรณีผู้กระทำความผิดนั้นเป็นคนไทย และรัฐบาลแห่งประเทศที่ความผิดได้เกิดขึ้นหรือผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษ หรือผู้กระทำความผิดนั้นเป็นคนต่างด้าว รัฐบาลไทยหรือคนไทยเป็นผู้เสียหาย และผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษ ถ้าความผิดนั้นเป็นความผิดดังระบุไว้ต่อไปนี้ จะต้องรับโทษภายในราชอาณาจักรคือ ความผิดเกี่ยวกับการก่อให้เกิดภยันตรายต่อประชาชน ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 217 มาตรา 218 มาตรา 221 ถึงมาตรา 223 ทั้งนี้ เว้นแต่กรณีเกี่ยวกับมาตรา 220 วรรคแรก และมาตรา 224 มาตรา 226 มาตรา 228 ถึงมาตรา 232 มาตรา 237 และมาตรา 233 ถึงมาตรา 236 ทั้งนี้ เฉพาะเมื่อเป็นกรณีต้องระวางโทษตามมาตรา 238 ดังนั้นกรณีนี้ไม่จำเป็นต้องกลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทย
ต่อมาเวลา 17.00 น. น.ส.อรอุษา ชินกระจ่างกิจ ยุติธรรมจังหวัดนนทบุรี และพนักงานคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เดินทางเข้าร่วมสอบปากคำนายจิน หลี่เผิง พร้อมนำเอกสารสำหรับการช่วยเหลือเยียวยาเหยื่ออาชญากรรมให้ผู้เสียหายเซ็น หลังสอบปากคำเสร็จนายจินเปิดเผยผ่านล่ามว่า เมื่อวันที่ 31 มี.ค. เวลาที่จีน 10.59 น. ได้รับข้อความและรูปภาพจาก WeChat ของลูกสาว แต่ไม่ใช่ลูกสาวเป็นคนส่งมา เป็นรูปภาพที่โดนมัดมือมัดเท้า และช่วงเวลานี้จะจดจำไปตลอด เป็นข้อความเรียกค่าไถ่ บอกว่าลูกสาวเธออยู่กับฉันให้เตรียมเงิน 500,000 หยวน หรือประมาณ 2.5 ล้านบาท ให้เวลา 3 ชั่วโมง จากที่ได้ฟังตำรวจทราบว่าช่วงดึกวันที่ 28 มี.ค. ลูกสาวเสียชีวิตไปแล้ว ทำให้ครอบครัวรู้สึกเสียใจ และกระทบกระเทือนจิตใจมาก ตนขอให้ตำรวจพาไปยังจุดที่พบศพเพื่อเชิญดวงวิญญาณลูกสาวกลับบ้าน จุดธูปเทียนและนำดอกไม้ไปวางยังจุดที่พบศพ เก็บดินและตักน้ำใส่ถุงพลาสติกนำกลับไปด้วย
...