กกต.ราชบุรี ชี้แจงกรณีให้สื่อที่ไม่มีบัตรติดหน้าอก ต้องไปขอหนังสือรับรองจากนายกสมาคมสื่อมวลชนราชบุรีจนเกิดปัญหา ยืนยันเป็นมาตรการป้องกันผู้แอบอ้างเป็นผู้สื่อข่าวแฝงตัวเข้ามา ไม่ได้มีการปิดกั้นการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชน
วันที่ 4 มีนาคม 2566 สนง.กกต.จว.ราชบุรี ได้ชี้แจง การดําเนินการจัดการเกี่ยวกับการรับสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง จังหวัดราชบุรี ระหว่างวันที่ 3-7 เมษายน 2566 ณ โรงยิมเนเซียมจังหวัดราชบุรี ได้มีการกําหนด ขั้นตอนและแนวทางในการจํากัดผู้ที่จะเข้าในสถานที่รับสมัคร ดังนี้
จุดลงทะเบียน/แลกบัตร
1. ผู้สมัคร แจกบัตรติดหน้าอกให้ผู้สมัครและให้ผู้สมัครเข้าไปที่จุดลงทะเบียนของแต่ละเขต โต๊ะที่ 1
(บัตรสีตามเขตมีแถบสีดํา)
2. ผู้ติดตามผู้สมัครลงทะเบียนเพื่อรับบัตรติดหน้าอก และเข้าไปด้านใน นั่งในตําแหน่งที่จัดไว้ ไม่เกิน 2 คน (บัตรสีตามเขตมีลําดับ 1 และ 2)
3. ตัวแทนพรรคการเมือง ลงทะเบียนเพื่อรับบัตรติดหน้าอก และเข้าไปด้านใน นั่งในตําแหน่งที่จัดไว้ พรรคละไม่เกิน 2 คน (บัตรสีม่วง)
4. สื่อมวลชน ลงทะเบียนเพื่อรับบัตรติดหน้าอก และเข้าไปด้านใน อยู่บริเวณรอบนอกเขตปริมณฑล/กรณีไม่มีในรายชื่อใบลงทะเบียน ให้มีหนังสือรับรองหรือหนังสือยืนยัน โดย นายถวิล ลิ้มคุณธรรมโน ลงทะเบียนเพื่อรับบัตรติดหน้าอก (บัตรสีขาว)
ในการนี้ สนง.กกต.จว.ราชบุรี ได้มีหนังสือไปยัง นายถวิล ลิ้มคุณธรรมโม นายกสมาคมสื่อมวลชนราชบุรี เรียนเชิญสื่อมวลชนจังหวัดราชบุรี ร่วมเป็นเกียรติและสักขีพยาน พร้อมให้แจ้งรายชื่อภายในวันที่ 31 มีนาคม 2566 ต่อมา ได้รับการประสานความร่วมมือแจ้งรายชื่อสื่อมวลชน รวมทั้งสิ้น 37 ราย (เพื่อนํามาจัดพิมพ์ใบลงทะเบียนและเตรียมบัตรติดหน้าอก) แต่ทั้งนี้ เพื่อป้องกันความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ ผู้สมัคร และผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอาจผู้ติดตามผู้สมัครที่แอบอ้างตัวเป็นผู้สื่อข่าวเข้ามาปะปนแอบแฝงตัวอ้างว่าเป็นผู้สื่อข่าว จึงได้ขอความร่วมมือให้ นายถวิล ช่วยยืนยันหรือรับรองว่า บุคคลดังกล่าวเป็นผู้สื่อข่าวจริง ก็อนุญาตให้เข้าในสถานที่รับสมัคร โดยไม่มีการปิดกั้นการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชนแต่อย่างใด
...
ในวันที่ 3 เมษายน 2566 ช่วงเช้าก่อนเริ่มกระบวนการรับสมัคร ได้มี นายสุจินต์ นฤภัย อ้างตัวเป็นนักข่าวไทยรัฐ และนักข่าวช่อง 5 ได้เข้ามาในสถานที่รับสมัคร เจ้าหน้าที่ของ สนง.กกต.จว.ราชบุรี จึงได้ให้ ลงทะเบียน เมื่อตรวจพบว่า นายสุจินต์ มิได้แจ้งรายชื่อมาก่อน จึงได้ให้ลงชื่อต่อท้ายใบลงทะเบียน พร้อมทั้งให้กรอกเอกสารในหนังสือรับรองสื่อมวลชนจังหวัดราชบุรี ตามขั้นตอนที่วางไว้ โดยในเบื้องต้น นายสุจินต์ ได้กรอกแบบฟอร์มดังกล่าว แต่ในเวลาต่อมาก็ได้ขยําเอกสารและเก็บไว้ โดยทําทีว่าจะไม่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่และตัวแทนของสื่อมวลชนก็ได้แนะนําว่าต้องมีเอกสารฉบับนี้ ถึงจะให้เข้าไปภายในอาคารดังกล่าวได้ ต่อมาจึงยอมที่จะเข้าไปในสถานที่ และทําตามแนวทางที่กําหนดไว้
เวลาประมาณ 11.00 น. หลังที่ผู้สมัครได้หมายเลขผู้สมัครเรียบร้อยแล้ว นายสุจินต์ ได้เดินเข้ามาต่อว่ากับผู้อํานวยการการเลือกตั้งประจําจังหวัดราชบุรี ว่า “ปิดกั้นสื่อ ไม่แจ้งให้เขารู้เรื่อง” ทําไมไม่ให้ประชาสัมพันธ์จังหวัดเป็นผู้ดําเนินการ ซึ่งทาง ผอ.ก็ได้แจ้งไปว่า ทางประชาสัมพันธ์จังหวัดติดภารกิจอื่นจึงต้องให้พี่ๆ สื่อมวลชนให้ความร่วมมือ แต่นายสุจินต์โต้เถียงว่า “เรื่องอะไร ให้คนอื่นมาเซ็นอนุญาตผม ไม่ใช่ลูกพี่ผม” เราก็อธิบายว่า “ไม่ใช่เซ็นอนุญาต แต่เป็นการรับรองว่าเป็นสื่อมวลชน” ซึ่งต่อมาหัวหน้าของนายสุจินต์ ได้เข้ามาขอโทษ ผอ.และทําความเข้าใจกับนายสุจินต์ แต่ภายหลังพบว่าได้นําข่าวไปลง ไทยรัฐออนไลน์ "แต่ที่เป็นข้อเคลือบแคลงใจแก่บรรดาสื่อมวลชน คือ ผู้สื่อข่าวทุกคนต้องกรอกใบยืนยันตน ในนามสมาคมสื่อเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดราชบุรี ทั้งที่การตรวจสอบรายชื่อสื่อมวลชนต้องเป็นหน้าที่ของประชาสัมพันธ์จังหวัด ซึ่งทุกสื่อมีการลงทะเบียนแล้ว..." ซึ่งไม่เป็นความจริง สื่อมวลชนคนอื่นๆ ที่มีชื่อไม่ต้องกรอกใบยืนยันตน ในกรณีนี้จะมีเพียงผู้มาเพิ่มเติม จํานวน 3 รายเท่านั้น ทําให้ สนง.กกต.จว.ราชบุรี เกิดความเสียหาย และสื่อมวลชนแขนงอื่นๆ ก็มิได้มีการต่อว่า กลับชื่นชมว่า สนง.กกต.จว.ราชบุรี จัดระเบียบได้ดีกว่าที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ตั้งแต่ผู้อํานวยการสํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจําจังหวัดราชบุรี มาปฏิบัติหน้าที่ 1 ปี 6 เดือน ไม่เคยพบเห็น นายสุจินต์ มาก่อน และไม่เคยติดต่อเข้ามาทําข่าวแต่อย่างใด แต่ในส่วนของนักข่าวไทยรัฐท่านอื่น เคยพบปะและร่วมงานกันมาก่อน อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าวได้มีการพูดคุยปรับความเข้าใจกับหัวหน้าและต้นสังกัดของผู้สื่อข่าวรายนี้ มีความเข้าใจตรงกันแล้ว