ป๋าเทพโพธิ์งาม ขนวัวควายกว่า 20 ตัว จากไร่บ้านโป่ง ส่งมอบให้ หลวงพ่อเสือ เจ้าอาวาสวัดป่าแสงธรรม พรหมรังสี ช่วยเลี้ยงต่อ หลังประสบปัญหาทางธุรกิจ อีกทั้งผูกพัน ตัดใจขายไม่ลง โอดไม่รู้เหมือนกันชีวิตจะไปยังไง วงการเราก็ออกมาแล้ว

จากกรณี ป๋าเทพโพธิ์งาม ได้อำลาจากวงการบันเทิง ผันตัวมาประกอบธุรกิจส่วนตัว แต่ด้วยพิษเศรษฐกิจเล่นงาน ประสบกับปัญหาการขาดสภาพคล่องทางการเงิน จนต้องประกาศหาคนรับเลี้ยงโคกระบือที่เคยเลี้ยงไว้ภายในไร่ป๋าเทพ ต.เขาขลุง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ตามที่เคยเป็นข่าวมาก่อนหน้านี้นั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดป่าแสงธรรมพรหมรังสี ต.ปรุใหญ่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายสุเทพ โพธิ์งาม หรือ ป๋าเทพโพธิ์งาม ดาวตลกอาวุโสชื่อดังและครอบครัวได้เดินทางนำโคกระบือ จำนวน 20 กว่าตัว มามอบให้ทางวัดช่วยเลี้ยง เนื่องจากป๋าเทพแบกรับภาระในการเลี้ยงดูไม่ไหว ประกอบกับด้วยความที่เลี้ยงมานานจึงเกิดความผูกพันไม่อยากขาย จึงนำมามอบให้วัดช่วยดูแลเลี้ยงต่อ ตามคำแนะนำของพระครูปลัดภูมิปัญญา ญาณสัมปันโน หรือหลวงพ่อเสือ เจ้าอาวาสวัดป่าแสงธรรม พรหมรังสี

...

ป๋าเทพ เปิดเผยว่า หลังจากที่ตนประสบปัญหาทางธุรกิจทำให้รายได้ลดลง ไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายหลายๆ อย่าง รวมทั้งภาระการดูแลสัตว์เลี้ยงต่างๆ ภายในไร่ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ยกโคกระบือบางส่วนให้ชาวบ้านไปเลี้ยงฟรีๆ 5-6 ตัว โดยหากตนขายโคกระบือดังกล่าวก็ได้เงินมาเป็นจำนวนเกือบครึ่งล้าน แต่ด้วยความที่เลี้ยงมานานจึงมีความผูกพัน ต่อมาได้ปรึกษากับหลวงพ่อเสือ เจ้าอาวาสวัดป่าแสงธรรม พรหมรังสี ที่นับถือรู้จักมักคุ้นกันมานาน ท่านได้เมตตาและแนะนำให้นำโคกระบือส่วนที่เหลือมามอบไว้ที่วัด เพื่อให้ญาติโยมและผู้มีจิตศรัทธาได้ช่วยกันเลี้ยงดูต่อไป

บางช่วงบางตอนระหว่างให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ป๋าเทพ ระบุว่า มันไม่มีทางออกแล้ว ไม่รู้เหมือนกันชีวิตจะไปยังไง วงการเราก็ออกมาแล้ว ธุรกิจก็มีทำขนมเปี๊ยะอย่างเดียว ขายก็ไม่ค่อยดี

นอกจากนี้ หลวงพ่อเสือ ยังฝากบอกว่า สำหรับท่านผู้ใจบุญสามารถนำฟาง หญ้า อาหารเกลือแร่ที่เป็นประโยชน์กับสัตว์ มาบริจาคได้ที่วัดป่าแสงธรรม พรหมรังสี โดยไม่จำเป็นจะต้องบริจาคเป็นเงินแต่อย่างใด

...