เปิดใจอัยการดาว ชีวิตนี้เพื่องาน ลาคดีแตงโม ขอไปทำคดียาเสพติด

ชื่อของ อัยการดาว น.ส.สุภาภรณ์ นิปวณิชย์ อัยการจังหวัดนนทบุรี ปรากฏเป็นที่รู้จักในฐานะอัยการที่ทำคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม ดาราสาวที่พลัดตกเรือ เมื่อคืนวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565

หลังคดีผ่านมา 1 ปี เมื่อวันที่ 17 มีนาคม อัยการจังหวัดนนทบุรี ได้นำสำนวนส่งฟ้องจำเลยทั้ง 6 คน โดยมี 2 คนรับสารภาพ อีก 4 คนให้การปฏิเสธ และเป็นการทำหน้าที่ครั้งสุดท้ายในคดีนี้ของ อัยการดาว

1 เม.ย.นี้ “อัยการดาว” จะย้ายแล้ว

ไทยรัฐออนไลน์ ได้มีโอกาสพูดคุยกับ น.ส.สุภาภรณ์ นิปวณิชย์ หรือ อัยการดาว อัยการจังหวัดนนทบุรี ทั้งเรื่องส่วนตัว ชีวิต การงาน คำถามแรกคือ จะย้ายไปรับตำแหน่งใหม่ที่สำนักงานอัยการสำนักคดียาเสพติด จริงหรือ

น.ส.สุภาภรณ์ กล่าวว่าวันที่ 1 เมษายนนี้ จะย้ายไปรับตำแหน่งที่สำนักงานคดียาเสพติด 9 ตามที่มีข่าวออกไปจริง ส่วนการทำคดีที่นนทบุรีคดีที่ผ่านมา นอกจากคดีดาราสาวตกเรือ ยังมีคดีอื่นที่สำนักงานอัยการจังหวัดนนทบุรีทำ เช่น คดีอุ้มเด็กใส่ท้ายรถและมีการกรอกสารเสพติดเอาไปทิ้งข้างทาง คดีแม่ทำร้ายลูก พ่อเลี้ยงทำร้ายลูก ฯลฯ แต่เป็นคดีที่ไม่ได้เป็นข่าวยาวนานเหมือนคดีแตงโม ซึ่งประชาชนทุกคนรู้จัก และให้ความสนใจติดตามมานานข้ามปี

ทำงาน ทำงาน ทำงาน

สำนวนคดีแตงโม ตั้งแต่รับสำนวนมา ก็มีการสอบสวนเพิ่มเติม และแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ก่อนที่จะฟ้องคดี เอกสารอะไร พยานหลักฐาน อะไรที่ยังไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ได้ให้ตำรวจสอบเพิ่มเติมเพื่อความแน่นหนา เพื่อนำสืบในชั้นศาล ให้ศาลเชื่อว่า ทุกคนที่เราฟ้องได้กระทำความผิดตามฟ้อง ก็ได้มีการให้สอบพยานเพิ่มเติมไว้แล้ว ซึ่งในหลักการสำนักงานอัยการต้องตรวจสอบทุกอย่างอยู่แล้ว 

“ในส่วนคดีแตงโม การทำสำนวน เราเชื่อมั่นในพยานหลักฐาน และอัยการก็ไม่ได้ทำคนเดียว มีทีมงาน มีเจ้าของสำนวน มีองค์คณะ ส่วนเมื่อย้ายไปแล้วก็ขอให้มั่นใจในพนักงานอัยการที่มาทำงานต่อ อย่าได้กังวล ขอให้เชื่อมั่นในอัยการทุกคน อย่าติดภาพลักษณ์ในตัวอัยการดาว ทุกคนมีความรับผิดชอบ และอยู่ในกระบวนการเช่นเดียวกัน”

อัยการต้องทำงานแข่งกับเวลา

ส่วนคดีใหญ่ๆ ที่ผ่านมา ก็คงเป็นคดีที่ขอนแก่น คดีฆ่าหั่นศพ ซึ่งตอนนั้นมีระยะเวลาสั้นกว่าคดีในปัจจุบัน ซึ่งคดีเมื่อมีการจับกุม ศาลจะให้ประกันตัวหรือไม่ให้ประกันตัวอีกเรื่องหนึ่ง แต่ถ้ามีการสอบสวนแล้วศาลไม่ให้ประกันตัว จะมีระยะเวลาที่ผู้ต้องหาอยู่ในเรือนจำ ส่วนใหญ่ก็ 84 วัน เราต้องทำคดีให้เสร็จใน 84 วัน บางทีพนักงานสอบสวนก็ใช้ไปเกินครึ่งแล้ว บางครั้งเหลืออยู่ 10 วัน หรือ 20 วัน เรียกว่าทำงานแข่งกับเวลา เพื่อไม่ให้ผู้ต้องหาถูกปล่อยตัวแล้วก็หลบหนี

คดียาเสพติดมีมากเกินครึ่งของคดีทั้งหมด

สำหรับตำแหน่งใหม่ที่ไปรับ ซึ่งเกี่ยวกับคดียาเสพติดโดยตรง ต้องบอกว่าในนนทบุรี มีคดีเป็นหลักพันต่อปี แล้วคดียาเสพติดเยอะเกินครึ่งของคดีทั้งหมด ทุกวันนี้คดียาเสพติดมีเข้ามาทุกวัน งานของเราก็เป็นคดีเกี่ยวกับชีวิตและร่างกาย คดีทางเพศ คดีเกี่ยวกับอาชญากรรม คดีเทคโนโลยีฉ้อโกง คดียาเสพติดเกินห้าสิบเปอร์เซ็นต์ คดียาบ้าเป็นล้านเม็ดก็ทำกันเป็นปกติ ตั้งแต่รับราชการมาตั้งแต่ปี 2546 ทำคดียาเสพติดมาตั้งแต่จบมาใหม่อยู่แล้ว ทำมาต่อเนื่อง เรียกว่าความถนัดของเรา

"คดียาเสพติดเป็นเรื่องหนึ่งที่เราถนัด บางครั้งก็ไปเป็นผู้บรรยายให้ความรู้กับสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ทำเกี่ยวกับการยึดทรัพย์ มาตรการสมคบ การป้องกันและปราบปรามความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด คือเป็นเรื่องที่ทำอยู่แล้วอย่างต่อเนื่องยาวนาน แล้วก็เป็นคณะทำงานของคณะกรรมการแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานการณ์โควิด ที่รองนายกรัฐมนตรีแต่งตั้ง"

ขอย้ายเอง อยากทำคดียาเสพติด

การย้ายเป็นเรื่องที่เลือกเอง ถามว่าเราทำคดียาเสพติดได้หรือไม่ ตอบว่าทำได้ คดีอื่นก็ทำได้ แต่ว่าในการโยกย้ายหลักการ เขาจะถามความประสงค์ ส่วนตัวขอไปกองคดียาเสพติดเลย ไม่ได้ยื่นขอกองอื่น เพราะว่าตอนนี้สถานการณ์ยาเสพติดค่อนข้างน่าเป็นห่วงในสังคมปัจจุบัน แล้วกฎหมายมีการแก้ไขใหม่มาตั้งแต่ปลายปี 2564 แล้วมีการสับสนในการใช้ข้อกฎหมาย เราเป็นคนทำงานที่ค่อนข้างเข้าใจง่าย ในความรู้สึกคือ ถ้าเราทำคดียาเสพติด คิดว่าความรู้เราน่าจะใช้ประโยชน์ได้บ้าง ก็เลยตัดสินใจเลือกเฉพาะสำนักงานคดียาเสพติด เพื่อนก็แซวว่าไปอยู่กองไหน ซึ่งเราสมัครใจขอไปเองเลย บางคนอาจจะไม่ถนัด และบางเรื่องเราก็ไม่ถนัด แต่อันนี้เราถนัด

เพราะสถานการณ์มันน่าเป็นห่วง

อัยการดาว กล่าวย้ำว่า มีแต่คนถามว่า ทำไมไปอยู่กองยาเสพติด สำหรับเรามองว่าเราทำได้ ก็ไม่ได้กังวลใจ และดีใจด้วยที่ได้ไปอยู่กองยาเสพติด เพราะเป็นงานที่ถนัด มีคู่ความ และเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ผู้จับอาจจะเป็นเจ้าพนักงานตำรวจเป็นหลัก ส่วนคู่ความก็จะไปเป็นจำเลยคดียาเสพติด ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้ปริมาณยาเสพติดสูงขึ้นอย่างน่าเป็นห่วง และบางคนอาจจะมีอิทธิพล แต่ในแง่คดีความมันก็ไม่ได้มีคู่ความเข้ามาหลายฝ่าย เรียกว่าเราทำมานาน และการประสานงานกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเราก็ทำอยู่

"ที่จริงคดีทุกคดี ไม่เฉพาะยาเสพติดก็คงมีอิทธิพลบ้าง แต่ส่วนตัวคิดว่าเป็นเรื่องในอนาคต ส่วนปัจจุบันและในอดีต ถ้าพูดไปก็จะไปพาดพิงถึงหลายๆ ฝ่าย เอาเป็นว่าทุกคนมีหลักการในการทำงานอยู่ ถ้าเชื่อมั่นในหลักการ เชื่อว่าอิทธิพลก็แค่เป็นส่วนหนึ่ง"

เป็นแม่บ้าน เป็นไอดอลของลูกชาย

อัยการดาว กล่าวถึงครอบครัวว่า มีลูกชาย 2 คน น้องวัน ลูกคนโตเรียนหมอฟันอยู่ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เขามาแนวนี้ตั้งแต่ต้น ส่วนคนเล็ก น้องไท เรียนนิติศาสตร์อยู่ที่จุฬาฯ ต้องยอมรับว่า การทำงานของเรามันไปเปลี่ยนหลายอย่าง เพราะว่าเดิมลูกชายคนเล็กสอบหมอได้ ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในภาคอีสาน แต่ก่อนจะเรียน เขาบอกว่าขอเลือกนิติศาสตร์ ถ้าได้จะขอสละสิทธิ์ เราก็ตกใจเหมือนกัน อยู่ๆ เขาเปลี่ยนใจ บอกว่าอยากเรียนกฎหมาย ทำให้เรารู้สึกว่าสิ่งที่เราทำมันเข้าไปในตัวเขา ตอนนี้เรียนกฎหมายมา 2 ปีแล้ว และบอกว่าตัดสินใจถูกที่เรียนกฎหมาย 

"ยอมรับว่าอิทธิพลของเรามันส่งผลกับเด็กๆ กับคนใกล้ชิด เขาบอกว่าจะเดินตามรอยเรา แต่ก็ไม่ได้บอกใครว่าเป็นลูกอัยการดาว ก็ดีใจ ลูกๆ เป็นกำลังใจให้เราเวลามีปัญหา เขาเป็นพลังให้เรา ทั้งคู่เลย ลูกคอยให้กำลังใจ คอยบอกเราบางอย่างในสถานการณ์ ในโลก ในเรื่องของเด็กรุ่นใหม่ เขาจะอธิบายให้เราเข้าใจ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เด็กรุ่นใหม่มีความคิดหลายๆ อย่างที่ไม่ควรมองข้าม เขาพร้อมจะฟังเรา เราก็ต้องพร้อมจะฟังเขา"

สุดท้าย อัยการดาว กล่าวถึงคนรุ่นใหม่โดยมองจากมุมของลูกชายว่า

เราเป็นคนอีกรุ่น ซึ่งไม่รู้ ไม่ได้อยู่ในโลกของเยาวชน ในเด็กที่เติบโตขึ้นมา ในรุ่นที่จะมาแทนเรา ในหลายคดีที่เราทำ เราต้องหาข้อมูลจากเขา ซึ่งเขาไม่ได้เข้ามาก้าวก่าย แต่เวลามีการลงในทวิตเตอร์ หรือมีประเด็นใหม่ เขาจะคอยเช็กให้ เราทำงานทั้งวันทั้งคืน ไม่ได้มีเวลามานั่งอ่านทวิตเตอร์ แต่เด็กเขาอ่าน หากมีเหตุการณ์อะไรเขาจะเตือนว่ามันมีประเด็นนี้นะ ใครที่มีลูก มีเด็กวัยรุ่นอยู่ที่บ้าน คุณต้องฟังเสียงเขาด้วย.