ประธานผู้บริหารวิสาหกิจชุมชนฯ ภาคตะวันตก และเครือข่ายริเวอร์แคววิสาหกิจชุมชนนิคมสมุนไพรสัมพันธ์ตะวันตก เผยปัญหาการลักลอบนำเข้าดอกกัญชา ทำให้วิสาหกิจฯ ที่มีผลผลิตของสมุนไพรกัญชา ไม่สามารถนำไปขาย หรือใช้ในด้านเศรษฐกิจ รวมถึงทางการแพทย์ได้อย่างสมบูรณ์

เวลา 10.00 น. เมื่อวันที่ 11 มี.ค. ที่ผ่านมา นิคมอุตสาหกรรมกัญชาทางการแพทย์แห่งประเทศไทย 254, 254/1 หมู่ 2 ต.วังกระแจะ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ได้มีการจัดการประชุมที่ห้องเกริงกระเวีย อาคารศูนย์นวัตกรรมกัญชาทางการแพทย์แห่งประเทศไทย นายวิศารท์ พจน์ประสาท ประธานผู้บริหารวิสาหกิจชุมชนฯ ภาคตะวันตกและเครือข่ายริเวอร์แคววิสาหกิจชุมชนนิคมสมุนไพรสัมพันธ์ตะวันตก ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ขณะนี้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่ได้รับอนุญาตให้ปลูกกัญชาทางการแพทย์ร่วมกับกรมการแพทย์แผนไทยและกรมการแพทย์ทางเลือกทั่วประเทศ รวมถึงกลุ่มเกษตกรผู้ปลูกกัญชาทั่วประเทศไทยประสบปัญหาไม่สามารถนำเอาผลผลิตของสมุนไพรควบคุมฯกัญชา นำไปขาย หรือใช้ในด้านเศรษฐกิจ รวมถึงทางการแพทย์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งประสบปัญหาเดือดร้อนโดยทั่วกัน

...

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากปัจจุบันมีการลักลอบนำเข้าดอกกัญชาแห้งจากต่างประเทศจำนวนมาก และเป็นที่นิยมกับกลุ่มผู้ใช้ด้านสันทนาการ ลักลอบขายตามร้านขายกัญชาทุกแห่ง วิธีการคือ จัดซื้อจากแหล่งที่มาที่ถูกต้องในปริมาณเล็กน้อย ส่วนที่เหลือจะเก็บไว้หลังร้าน และนำมาเติมโดยมีการเจรจากับลูกค้า ซึ่งเป็นกระบวนการที่ไม่ถูกต้องและขาดจรรยาบรรอย่างร้ายแรง รวมถึงไม่เป็นการสนับสนุนนโยบายของรัฐ และยังสร้างความเสียหายให้กับกลุ่มเกษตกร "กัญชา" ไม่สามารถต่อยอดในด้านการขายและด้านเศรษฐกิจทำให้ถูกมองจากสังคมว่ากัญชามีทั้งบวกและลบ จนอาจจะป็นลบมากกว่าบวก

จึงขอวิงวอนโดยจะไปยื่นหนังสือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ดังนี้

1.ให้มีการควบคุมการออกใบอนุญาตการขายช่อดอกในร้านขายตาม Dispensary ต่างๆ คงจะต้องมีการควบคุมใบอนุญาต โดยกำหนดเงื่อนไขมากกว่านี้และจำเป็นจะต้องมีแหล่งการปลูกที่ถูกต้องตามกฎหมาย

2.บังคับใช้การรายงานผลผลิตที่มาและปริมาณการขายตามระเบียบอย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้มีการลักลอบนำผลิตผลจากนอกประเทศเข้ามาส่งเสริมการขายเด็ดขาด

3.การพิจารณาอนุญาตโรงปลูกกัญชา หรือผู้ปลูกกัญชา ควรมีการควบคุม เพราะปัจจุบันมีการขออนุญาตเพียง 300 ต้น แต่มีผลผลิตมากกว่า 500 กิโลกรัมต่อรอบการปลูก ทำให้ไม่มีความชัดเจน เหลื่อมล้ำ กับผู้ที่ได้รับอนุญาตและเกษตกรที่มุ่งมั่นในการพัฒนาพืชสมุนไพรควบคุมกัญชาให้สู่ระดับสากล โดยต้องมีมาตรฐาน GACP กำกับ

4.การกำหนดเขต (Zoning) ของร้านค้าที่ขายวัสดุและผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับกัญชา (Dispensary) โดยกำหนดเขตพื้นที่ร่วมกับสำนักผังเมืองหรือและกรมโยธาธิการจังหวัดในแต่ละจังหวัด เพื่อสะดวกต่อการควบคุมกำกับดูแล โดยสิ่งเหล่านี้จะเป็นเครื่องชี้ต่อภาพลักของประเทศในด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยมิให้ประเทศไทยตกเป็นเหยื่อของกระแส เพราะประเทศไทยยังคงเป็นประเทศที่มีสังคมและมีจารีตประเพณีที่ดีงาม จึงมิอยากให้สังคมโลกมองว่าประเทศไทยเป็น "กัญชาเสรี" จนเกินไป เพราะปัจจุบันได้รับทราบจากแหล่งข้อมูลว่ามีนักธุรกิจเส้นใหญ่ที่ต้องการเปิดกัญชาเสรีใจกลางเมือง คงต้องมีการช่วยกันควบคุม

5.จะให้ภาครัฐช่วยส่งเสริม สนับสนุนการนำช่อดอกกัญชาแห้งส่งออก รวมถึงสารสกัดเพื่อทางการแพทย์โดยเฉพาะ เพราะกลุ่มผู้ปลูกกัญชาทางการแพทย์ต้องการกำลังซื้อจากแหล่งผู้ผลิตยารักษาโรคจากต่างประเทศ ซึ่งหากรัฐบาล หรือหน่วยงานของรัฐให้การสนับสนุนอย่างจริงจัง จะถือว่าเป็นพืชเศรษฐกิจของประชาชนคนไทยอย่างเป็นรูปธรรม.