หลายหน่วยงานรุดตรวจสอบ 5 แม่ลูกอาศัยตึกร้างริมถนนบายพาสที่ชะอำ เพชรบุรี เป็นที่ซุกหัวนอน ยืนยันก่อนหน้านี้เคยเข้าไปช่วยเหลือแล้ว แต่แม่ลูกอ่อนไม่ปฏิบัติตาม เตรียมใช้กฎหมายบังคับนำครอบครัวไปอยู่ในความดูแลของบ้านพักเด็ก

จากกรณีพบ น.ส.ชนนิกานต์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี อาศัยอยู่กับลูกสาว 4 คน อายุ 2 ปี, 5 ปี 8 ปี และอายุ 1 เดือนในตึกร้างที่บริเวณริมถนนสายบายพาส-ปราณบุรี ฝั่งขาล่องใต้ หมู่ 4 ต.สามพระยา อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ซึ่งตึกร้างดังกล่าวไม่มีไฟฟ้าและน้ำประปา น.ส.ชนนิกานต์ ต้องอาศัยน้ำขังในบ่อข้างถนนใช้ต้มดื่มกิน หุงข้าว และอาบน้ำ ใช้ป่ารกข้างหลังอาคารตึกร้างเป็นที่ขับถ่าย ต้องหาผักปลามาทำกับข้าวกินเพื่อประทังชีวิต รวมถึงต้องคลอดบุตรเองเนื่องจากไม่มีเงินไปหาหมอ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ต่อมาเวลา 13.00 น. วันที่ 25 พฤศจิกายน เหล่ากาชาดจังหวัดเพชรบุรี เจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเพชรบุรี เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดเพชรบุรี สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งกุ่มสะแก จังหวัดเพชรบุรี ฝ่ายปกครองอำเภอชะอำ อบต.สามพระยา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ตรวจสอบเพื่อให้การช่วยเหลือ

...

น.ส.ชนนิกานต์ กล่าวว่าหลังถูกนายจ้างไร่อ้อยในพื้นที่ชะอำไล่ออกจากงาน ตนและลูกทั้ง 4 คนได้มาอาศัยอาคารร้างแห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งตึกแห่งนี้ไม่มีน้ำและไฟฟ้าใช้ ตนต้องอาศัยใช้น้ำขังในบ่อข้างถนนมาต้มเพื่อใช้ดื่มกิน หุงข้าว อาบน้ำ และใช้ป่ารกหลังอาคารเป็นที่ขับถ่าย ต่อมาสามีได้ออกไปทำงานรับจ้างรีดนมวัวในหมู่บ้านอยู่ไม่ไกลจากอาคารร้าง ซึ่งเงินค่าจ้างที่ได้มาก็ไม่พอใช้จ่าย ตนต้องออกไปหาผัก หาปลา หาหอยเชอรี่ในคูคลองมาทำกับข้าวรับประทานเพื่อประทังความหิว ส่วนขนมของลูกก็ไม่มีเหมือนเด็กทั่วไป ต้องหาลูกพุทรา มะขามเทศ และผลไม้อื่นๆ ที่มีอยู่ในป่ามาให้กิน และเมื่อ 1 เดือนที่ผ่านมาตนได้คลอดลูกสาวเองโดยมีสามีคอยช่วยเหลือนำกรรไกรมาตัดรกโดยไม่ได้ไปหาหมอแต่อย่างใด เนื่องจากไม่มีเงินและรถที่จะไปโรงพยาบาล

ด้านนายสุรินทร์ อาคมเวช หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดเพชรบุรี เปิดเผยว่า เมื่อปี 2564 ตนพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมกับ อบต.สามพระยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้ามาช่วยเหลือเบื้องต้น ทั้งมอบถุงยังชีพ มอบเงินส่งเคราะห์เด็กยากจน และประสานเจ้าหน้าที่มาทำการคุมกำเนิดให้ พร้อมประสานเจ้าของพื้นที่ซึ่งเป็นนายจ้างของสามี น.ส.ชนนิกานต์ให้เข้าไปปลูกบ้าน แต่น.ส.ชนนิกานต์ไม่ยอมปฏิบัติตาม กลับมาอาศัยอยู่ในตึกร้างตามเดิม ที่ผ่านมานอกจากหน่วยงานภาครัฐให้ความช่วยเหลือแล้วยังมีประชาชนบริจาคเงินและสิ่งของอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้นางชนนิกานต์ไม่เข้าไปพักอาศัยในสถานที่ที่จัดให้ หรือปฏิบัติตามที่หน่วยงานแจ้งความประสงค์จะช่วยเหลือ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยและสุขภาวะของเด็ก วันนี้ทางบ้านพักเด็กจำเป็นจะต้องบังคับใช้กฎหมายเพื่อนำครอบครัวดังกล่าวไปอยู่ในความดูแลต่อไป