ภาพเรือสำเภาที่สร้างจำลองไว้ที่ศาลเจ้าพ่อกวนอู ตลาดเก่าร้อยปีคุ้งสำเภา อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท กลับมาโลดแล่นอีกครั้งเนื่องจากน้ำท่วมสูงมาถึงลำเรือ ด้านเขื่อนเจ้าพระยา น้ำเหนือไหลเข้าเริ่มทรงตัว วัดได้ 3,054 ลบ.ม./วินาที ระบายออก 3,169 ลบ.ม. สูงสุดของปี ยังปักธงแดงแจ้งเตือนสถานการณ์วิกฤติต่อเนื่องเป็นวันที่ 7
เวลา 16.00 น. วันที่ 13 ตุลาคม 2565 จากภาพมุมสูงเผยให้เห็นภาพของเรือสำเภาโบราณ ที่ดูเหมือนกำลังโลดแล่นอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณหน้าศาลเจ้าพ่อกวนอู ตลาดเก่าร้อยปีคุ้งสำเภา อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท ซึ่งปกติเรือลำนี้จะถูกจัดวางอยู่บนคาน เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มาชมและศึกษาเกี่ยวกับเรือสำเภา ที่คนสมัยก่อนใช้ในการเดินทางค้าขาย แต่เมื่อระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นตลิ่งขึ้นมา จนถึงเรือสำเภาทอง จึงเกิดภาพที่ดูเหมือนเรือลำดังกล่าวกลับลงน้ำอีกครั้ง
ส่วนภาพรวมน้ำ ที่เขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท กุญแจสำคัญในการบริหารจัดการน้ำลงสู่ภาคกลาง พบว่าน้ำที่ไหลลงสู่เขื่อนเจ้าพระยาผ่านจุดวัดน้ำค่ายจิรประวัติ จ.นครสวรรค์ เริ่มทรงตัว วัดได้อัตรา 3,054 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ล่าสุดวัดได้ +17.71 เมตรระดับน้ำทะเลปานกลาง แต่ยังมีระดับน้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่บ้านเรือนประชาชนเหนือเขื่อนใน 3 อำเภอคือ อ.เมืองชัยนาท อ.วัดสิงห์ และ อ.มโนรมย์
...
โดยเมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 13 ต.ค. 2565 เขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ได้คง อัตราการระบายน้ำไว้ที่ 3,169 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งเป็นอัตราการระบายที่จัดว่าเป็นเกณฑ์การระบายที่สูงสุดของปี โดยเขื่อนเจ้าพระยาได้ปักธงแดง เพื่อแจ้งเตือนสถานการณ์วิกฤติต่อเนื่องเป็นวันที่ 7 การปรับอัตราการระบายน้ำในเกณฑ์นี้เพื่อรักษาสมดุลของน้ำเหนือเขื่อนและท้ายเขื่อนรองรับปริมาณน้ำฝนและเพื่อชะลอน้ำเหนือไว้ในลำน้ำเหนือเขื่อน ส่งผลให้พื้นที่ท้ายเขื่อนระดับน้ำขึ้นน้ำเริ่มทรงตัว วัดได้ 17.39 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง แต่ยังคงเอ่อล้นสูงกว่าตลิ่ง 105 ซ.ม. ประชาชนยังคงต้องนอนริมถนนต่อเนื่องแล้ว 2 สัปดาห์