กอปภ.อยุธยา เผยปริมาณน้ำไหลผ่านเพิ่มขึ้น หลังเขื่อนเจ้าพระยาเร่งผันน้ำ 1,800-2,000 ลบ.ม./วินาที โดยมีน้ำท่วมรวม 6 อำเภอ 506 ตำบล เตือนท้ายเขื่อนเจ้าพระยาจะสูงอีก 40-60 ซม. 16-17 ก.ย.นี้
เมื่อวันที่ 13 ก.ย. 2565 นายวีระชัย นาคมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า โครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยา แจ้งสถานการณ์น้ำ วันที่ 13 กันยายน 2565 เวลา 06.00 น. มีปริมาณน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ไหลผ่าน C13 ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา 1,799 ลบ.ม./วินาที เมื่อวาน 1,698 ลบ.ม./วินาที ปริมาณน้ำไหลผ่านเพิ่มขึ้น 101 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำที่ C35 บ้านป้อม พระนครศรีอยุธยาระดับตลิ่ง 4.35 ม. ระดับน้ำ 4.25 ม. เมื่อวาน 4.07 ม. ระดับน้ำเพิ่มขึ้น 18 ซม.
ในส่วนปริมาณน้ำไหลผ่านท้ายเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ระดับน้ำที่สถานี S.26 (เขื่อนพระรามหก) อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ระบาย 513 ลบ.ม/วินาที ระดับตลิ่ง 8 ม. ระดับน้ำ 5.98 ม. เมื่อวาน 5.95 ม. ระดับน้ำเพิ่มขึ้น 3 ซม. สถานี S.5 (สะพานปรีดี-ธำรง) อ.พระนครศรีอยุธยา ระดับตลิ่ง 4.70 ม. ระดับน้ำ 3.42 ม. เมื่อวาน 3.32 ม. ระดับน้ำเพิ่มขึ้น 10 ซม.
...
ทั้งนี้ มีประชาชนได้รับผลกระทบน้ำล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมใต้ถุนบ้าน รวม 6 อำเภอ (อำเภอบางบาล เสนา บางปะอิน บางไทร ผักไห่ และอำเภอพระนครศรีอยุธยา) 85 ตำบล 506 หมู่บ้าน 5 ชุมชน 21,554 ครัวเรือน รวมพื้นที่การเกษตร 3,418 ไร่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย และประกาศพื้นที่เขตการให้ความช่วยเหลือ เพื่อช่วยเหลือประชาชนตามระเบียบกระทรวงการคลังต่อไป
ด้านการให้ความช่วยเหลือประชาชน ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตั้งเครื่องสูบน้ำออกจากพื้นที่การเกษตร เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร ให้สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ (นาข้าว) รวมกว่า 50 เครื่อง สูบน้ำสะสม 26 วัน ปริมาณน้ำสะสม 7,400,000 ลบ.ม. และจัดตั้งผนังกั้นน้ำและวางกระสอบทรายในเขตพระราชฐาน โบราณสถาน และพื้นที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ รวมทั้ง แจกจ่ายถุงยังชีพให้พี่น้องประชาชน รวมทั้งสิ้น 7,148 ชุด ตลอดจนส่งหน่วยเคลื่อนที่ออกดูแลรักษาสุขภาพผู้ประสบภัย ผู้ป่วยติดเตียง กลุ่มเปราะบางอื่นๆ และแจกจ่ายยา Whitfield ป้องกันโรคที่มากับน้ำให้กับผู้ประสบภัยแล้ว 10,640 ตลับ
อย่างไรก็ตาม กอนช. ได้เตือนเฝ้าระวังระดับน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาจะสูงขึ้น 40-60 ซม. ช่วงวันที่ 16-17 กันยายนนี้ คาดการณ์จะมีฝนตกหนักกระทบพื้นที่ 5 จังหวัดริมแม่น้ำเจ้าพระยา จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บริษัท ห้างร้าน ที่ประกอบกิจการในแม่น้ำเจ้าพระยา อาทิ งานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง แพร้านอาหาร เป็นต้น รวมทั้งประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำน้อย ให้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด เพื่อดูแลประชาชนและให้ความช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบได้ทันที.