รอง ผอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า สั่งให้ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ บัวแย้ม พ้นจากหน้าที่ช่วยราชการต้องกลับ ไปปฏิบัติหน้าที่สังกัดสันติบาลหลังก่อคดีทารุณทหารหญิงเยี่ยงทาส ส่วนต้นสังกัดรับลูกตั้งกรรมการสอบสวนพิจารณาความผิด ขณะที่ ตำรวจ สภ.เมืองราชบุรี เร่งสอบปากคำผู้เสียหายและ ญาติจ่อแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ส่วนคู่กรณีเผ่นหนีไปแล้ว

จากเหตุความรุนแรง น.ส.บี (นามสมมติ) อดีตทหารถูก ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ บัวแย้ม ผบ.หมู่ กก.4 บก.สส.1 ช่วยราชการ กอ.รมน.ภาค 4 อ้างเป็นภรรยา ส.ว. ฝากให้เป็นทหารแล้วดึงตัวเป็นทหารรับใช้ กลับถูกทารุณเยี่ยงทาสใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าช็อตตามร่างกาย พ่นสเปรย์แอลกอฮอล์จุดไฟเผาหัว พอขอกลับบ้านบังคับให้ลาออกจากราชการ แถมฮุบเงินเดือนหลวงและทวงเงินค่าฝากงาน เหยื่อสุดทนโร่ร้อง “หนุ่ม กรรชัย” พิธีกรโหนกระแสแฉพฤติกรรมโหด พร้อมเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองราชบุรี

ความคืบหน้าเช้าวันที่ 19 ส.ค. พ.ต.อ.ธานินทร์ ฉัตรเจริญพร รอง ผบก.ภ.จ.เพชรบุรี รรท.ผกก. สภ.เมืองราชบุรี กล่าวว่า น.ส.บี อดีตทหารหญิงแจ้งติดธุระต้องเดินทางไปกรุงเทพฯ ขอเลื่อนการให้ปากคำไปก่อน ขณะนี้ต้องรอผลตรวจร่างกายของ น.ส.บี เบื้องต้นตำรวจดำเนินคดี ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ แจ้งข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนข้อกล่าวหาอื่นๆ เช่น กักขังหน่วงเหนี่ยว ต้องรอสอบปากคำผู้เสียหายและญาติทั้ง 4 ปากให้เสร็จก่อน ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านพักของ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ เป็นทาวน์เฮาส์เลขที่ 128/6 ต.โคกหม้อ อ.เมืองราชบุรี แต่ประตูล็อกไม่มีใครอยู่ภายในบ้าน จากการสอบถามเพื่อนบ้านทราบว่า ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ ขับรถออกไปจากบ้านตั้งแต่เมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 18 ส.ค. แล้วยังไม่กลับเข้ามาที่บ้านพล.ต.ต.ปิติ นฤขัตรพิชัย ผบก.ภ.จ.ราชบุรี กล่าวว่า ตำรวจต้องรอผลการตรวจร่างกายผู้เสียหายมาประกอบสำนวนคดี อีกทั้งสอบปากคำผู้เสียหาย พ่อ แม่ และน้าสาวรวมทั้งหมด 4 ปาก ส่วนการไปตรวจค้นบ้าน ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ อยู่ระหว่างดำเนินการ ส่วนกระแสข่าว ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ติดต่อเข้ามอบตัวนั้น ขณะนี้ยังไม่มีใครติดต่อเข้ามา เชื่อว่าเมื่อมีหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหาจะเข้ามามอบตัวเพื่อต่อสู้คดีต่อไป

...

ขณะที่ พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพน้อยที่ 4 และรอง ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวถึงกรณีที่ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ บัวแย้ม ตำแหน่ง ผบ.หมู่ กก.4 บก.ส.1 ปัจจุบันช่วยราชการ กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า ถูกแจ้งความดำเนินคดีข้อหาทำร้ายร่างกายอดีตทหารหญิง สังกัดกองบัญชาการกองทัพไทยว่า แม้จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน แต่ไม่จำเป็นต้องเรียกเจ้าตัวมาสอบ เพราะสามารถยึดจากข้อมูลหลักฐานที่ผู้เสียหายเข้าแจ้งความได้เลย ขณะนี้สำนักงานข่าวกรอง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ร่างหนังสือคำสั่งให้พ้นจากหน้าที่ช่วยราชการเสร็จเรียบร้อย และจะให้รองแม่ทัพภาคที่ 4 ที่ดูแลงานด้านกำลังพลลงนามภายในวันนี้ ส่งผลให้ตำรวจหญิงที่เป็นข่าวต้องกลับไปปฏิบัติหน้าที่สังกัดเดิมคือ สันติบาลส่วนจะมีการสอบสวนลงโทษอย่างไร ขึ้นอยู่กับต้นสังกัด

พล.ท.ธีรพงศ์ ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหาร ในฐานะโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย กล่าวชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีการบรรจุเข้ารับราชการทหารและการช่วยราชการของอดีตทหารหญิง ที่ปรากฏเป็นข่าวในขณะนี้ว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า อดีตทหารหญิงได้รับการบรรจุเข้ารับราชการทหารในสังกัดกองบัญชาการ กองทัพไทยเมื่อปี พ.ศ.2561 อย่างถูกต้อง เป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนตามระเบียบกระทรวงกลาโหม ทั้งนี้ กองบัญชาการกองทัพไทยขอยืนยันว่า การบรรจุบุคคลพลเรือนเข้ารับราชการในสังกัดกองบัญชาการกองทัพไทยนั้น ไม่มีการเรียกรับเงินหรือเรียกร้องผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนกรณีที่อดีตทหารหญิงไปช่วยราชการนั้น เป็นไปตามระเบียบการช่วยราชการ เมื่อส่วนราชการหรือหน่วยงานภายนอกขอมาและต้นสังกัดพิจารณาเห็นความจำเป็นสามารถให้ไปช่วยราชการได้ ทั้งนี้ อดีตทหารหญิงยื่นรายงานขอลาออกจากราชการและได้รับอนุมัติตั้งแต่วันที่ 6 พ.ค.2565 ด้วยเหตุผลตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปก่อนหน้านี้

พล.ต.ต.อุดร วงษ์ชื่น ผบก.ส.1 เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายการหรือหนังสือโอนย้าย ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ บัวแย้ม ตำแหน่ง ผบ.หมู่ กก.4 บก.ส.1 ช่วยราชการ กอ.รมน.ภาค 4 (ส่วนหน้า) กลับมาต้น สังกัดเดิมตามที่มีกระแสข่าวแต่อย่างใด หลังก่อเหตุข่มขู่ทำร้ายกักขังหน่วงเหนี่ยวอดีตทหารหญิงคนรับใช้ ได้รับบาดเจ็บ หากเป็นความจริงตำรวจสันติบาล 1 เป็นผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดของ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง จะต้องนำผลการสอบสวนของพนักงานสอบสวน สภ.เมืองราชบุรี มาประกอบ เพราะจะมีผลต่อการพิจารณาเอาผิดทางวินัยร้ายแรงตามระเบียบที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนดไว้ พร้อมยืนยันว่าตำรวจสันติบาล 1 ไม่ปกป้องอย่างแน่นอน หากพบว่ากระทำผิดชัดเจน

ด้าน พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ส.กล่าวว่า เรื่องการไปช่วยราชการ ตนยังไม่ทราบว่าไปช่วยราชการวันไหน อย่างไร เพราะเป็นเรื่องของธุรการ แต่การช่วยราชการตัวต้องสังกัดที่ตำรวจสันติบาล แต่ตัวไปปฏิบัติหน้าที่ กอ.รมน.ภาค 4 (ส่วนหน้า) อยู่ระหว่างตรวจสอบ ขณะนี้ส่งเจ้าหน้าที่ไปประสานกับตำรวจ สภ.เมืองราชบุรี ส่วนประวัติของ ส.ต.ท.หญิงรายนี้ ตนไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว และให้ต้นสังกัดตรวจสอบรายละเอียดแล้วว่าต้องมารายงานตัวหรือไม่ อย่างไรก็ตาม การกระทำดังกล่าวจะเข้าข่ายความผิดวินัยร้ายแรงหรือจะมีคำสั่งให้ออกจากราชการหรือไม่ ต้องรอดูผลการสอบสวนข้อเท็จจริงก่อน ยืนยันว่าตำรวจไปทำร้ายประชาชนไม่สามารถทำได้ เพราะมีความผิดทั้งวินัยและอาญา แม้จะเป็นเวลานอกราชการก็ตาม ยืนยันว่าไม่เข้าข้างหรือช่วยเหลือกันแน่นอน ใครทำผิดต้องรับโทษทัณฑ์ตามที่กระทำ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเส้นทางการรับราชการของ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ บัวแย้ม บรรจุเข้ารับราชการตำรวจในตำแหน่ง ผบ.หมู่ สังกัด บก.อก. บช.ส.เมื่อปี 2560 จากนั้นย้ายมาสังกัดกองบังคับการตำรวจสันติบาล 1 ก่อนจะขอตัวไปช่วยราชการที่ กอ.รมน.ภาค 4 (ส่วนหน้า) จนถึงปัจจุบัน

...

ต่อมาเวลา 15.00 น. ที่กระทรวงยุติธรรม นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือกัน จอมพลัง พร้อมด้วยนายไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความ พา น.ส.บี อดีตทหารหญิง เดินทางเข้าขอให้ได้รับความคุ้มครองในฐานะผู้เสียหายคดีอาญากับว่าที่ ร.ต.
ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขาฯ รมว.ยุติธรรม กรณีถูก ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ทารุณกรรมทั้งร่างกายและจิตใจอย่างร้ายแรง ว่าที่ ร.ต.ธนกฤตกล่าวว่า กรณีนี้ผู้เสียหายถูกทำร้ายร่างกายจากบุคคลที่คิดว่าเป็นนายจ้างและเกิดขึ้นขณะที่ยังรับราชการทหารอยู่ ส่วนคู่กรณีที่เกี่ยวข้องรับราชการด้วยเช่นกัน ผู้เสียหายถูกทำร้ายร่างกายหลายแห่ง สิ่งที่สำคัญคือผู้เสียหายหายใจได้ด้วยรูจมูกเพียงข้างเดียว เนื่องจากถูกทำร้ายร่างกาย สำหรับการกระทำดังกล่าวจะเป็นการค้ามนุษย์หรือไม่นั้น อยู่ที่การตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนเรื่องของการลาออกจากราชการของผู้เสียหาย ตนเล็งเห็นว่าไม่น่าจะลาออก แต่อาจจะย้ายหน่วยงานแทนว่าที่ ร.ต.ธนกฤตกล่าวอีกว่า ขอให้มั่นใจว่าผู้เสียหายจะได้รับความเป็นธรรมและความปลอดภัยกระทรวงยุติธรรมจะประสานไปยังหน่วยงานของผู้เสียหายให้ระงับเรื่องของการลาออก เพื่อที่ผู้เสียหายไม่ต้องตกงาน หรืออาจจะพูดคุยกันในเรื่องของการโอนย้ายหน่วยงาน เพื่อความสบายใจของผู้เสียหายเอง

ด้านนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ เปิดเผยว่า ผู้เสียหายเป็นห่วงว่ายังไม่สามารถตามตัวคนก่อเหตุได้ ทำให้กังวลเรื่องความปลอดภัยทั้งตัวเองและครอบครัว เนื่องจากพบว่าถูกขู่ทำร้ายคนในครอบครัวด้วย ตนอยากขอให้นำตัวคนก่อเหตุมาดำเนินคดี ส่วนเรื่องที่มีผู้ใหญ่มาขอให้ตนเบาๆ กับการดำเนินการเรื่องนี้ คงทำให้ไม่ได้ เพราะสิ่งที่ผู้เสียหายถูกกระทำนั้นเกินกว่าที่คนเขาจะทำกัน ทั้งการนำน้ำยาล้างห้องน้ำกรอกปาก จนถึงขั้นคิดฆ่าตัวตาย ส่วนเรื่องการลาออกจากราชการของผู้เสียหายไม่ใช่ความสมัครใจของผู้เสียหาย แต่เป็นการถูกบังคับจาก นายจ้าง อ้างว่าเป็นคนให้อาชีพแก่ผู้เสียหาย

...

นายไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความ เปิดเผยว่า ผู้เสียหายถูกข่มขู่จึงมาขอความช่วยเหลือที่กระทรวงยุติธรรมในการคุ้มครอง ทั้งนี้ ตนบอกเลยว่าไม่ต้องโทร.มาขู่ ตนไม่กลัว และทราบว่าเป็นใคร อยากฝากเรื่องนี้ไปถึงกองทัพไทยด้วยว่า ประเทศไทยไม่ควรมีระบบศักดินาแล้ว ไม่ควรมีทหารไปรับใช้ใครแล้ว ด้าน น.ส.บีเปิดเผยว่า ขอบคุณทุกคน ทุกหน่วยงานที่เข้ามาช่วยเหลือ รู้สึกเหมือนมีชีวิตใหม่ และอยากใช้ชีวิตต่อ ขณะนี้เพียงอยากให้ครอบครัวและญาติพี่น้องปลอดภัย ส่วนอาชีพทหารยังเป็นสิ่งที่อยากทำและสร้างระเบียบวินัยที่ดี เพียงแต่จังหวะชีวิตมาเจอกับคนไม่ดีเท่านั้นเอง ตนมองว่าไม่เกี่ยวกับอาชีพ