ตำรวจสอบปากคำ 13 คน แก๊งโรงน้ำแข็งปืนดุ ยึดถนนหลวงดวลปืนเย้ยกฎหมาย รวมทั้งทีม “กำนันปิง” กับ 2 ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมเปิดศึกด้วย ถูกแจ้งข้อหาพยายามฆ่า 2 คน คือคนงานโรงน้ำแข็งพันล้าน กับผู้ใหญ่บ้าน ที่ยิงอีกฝ่ายบาดเจ็บ นายอำเภอเต้นเรียกกำนันกับ 2 ผู้ใหญ่บ้าน ทำรายงานชี้แจงพร้อมสั่งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ขณะที่ ผบช.ภ.1 สั่งเอาผิดผู้กระทำผิดและผู้เกี่ยวข้องทุกข้อหา ชี้ชนวนเหตุจากขายน้ำแข็งทับเส้นทาง เตรียมเรียกคู่กรณีตั้งโต๊ะเคลียร์ปัญหา

จากเหตุการณ์ดวลเดือดกลางเมืองกรุงเก่าระหว่างคนงานโรงน้ำแข็งอโยธยา และโรงน้ำแข็งพันล้าน บนถนนเส้นเจดีย์-วัดพนัญเชิง หมู่ 3 ต.คลองสวนพลู อ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อตอนสายวันที่ 8 ส.ค. เพราะวิ่งทับเส้นทาง โดยมีคลิปกล้องวงจรปิดจับภาพเหตุระทึกที่รถปิกอัพของโรงน้ำแข็งอโยธยาพุ่งชนรถฮัมเมอร์ของฝ่ายโรงน้ำแข็งพันล้าน เกิดการยิงต่อสู้กันราวหนังคาวบอยตะวันตก โดยมีรถตู้โฟล์กของนายไชยณรงค์ จันทรสีดา หรือกำนันปิง พาชายสวมเสื้อกั๊กอีก 2 คน พร้อมปืนครบมือมาร่วมสมทบ อ้างว่ามาระงับเหตุ แต่ทั้งหมด 13 คน ถูกตำรวจแจ้งข้อหาชุลมุนต่อสู้เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส และพยายามฆ่า และคดีอาวุธปืน พร้อมของกลางปืน 7 กระบอก รถยนต์พาหนะที่ใช้ก่อเหตุรวม 4 คัน เบื้องต้นทั้งหมดให้การรับสารภาพ

ความคืบหน้าการสอบสวนดำเนินคดีกลุ่มโรงน้ำแข็งกร่างเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 9 ส.ค. ที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.ท.กัมพล อินทีวงศ์ สว. (สอบสวน) เจ้าของคดี พร้อมทีมพนักงานสอบสวนแยกสอบปากคำนายปรัชญา ดิษฐี อายุ 38 ปี คนขับรถฮัมเมอร์ เป็นผู้จัดการโรงน้ำแข็งพันล้าน และนายสหชาติ หรืออาร์ม มานะเปรม อายุ 34 ปี นั่งมาด้วยกัน ถูกยิงเข้าขาซ้าย 1 นัด สอบสวนนานร่วม 2 ชั่วโมง ก่อนให้ประกันตัวไปเช่นเดียวกับผู้ต้องหาคนอื่นที่ได้รับการปล่อยตัว และให้ประกันตัวไปหมดแล้ว

...

พ.ต.อ.ประเวศ ศรีนาค ผกก.สภ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยอีกว่า หลังเกิดเหตุได้จับกุมผู้ต้องหาในที่เกิดเหตุ และบางส่วนเข้ามอบตัวที่โรงพัก ตนสั่งระดมพนักงานสอบสวนกว่า 10 นาย และชุดสืบสวนร่วมสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมด พบว่าสาเหตุเรื่องของผลประโยชน์ มีการวิ่งทับเส้นทาง และลูกน้องทั้งสองฝ่ายไม่พอใจกันจึงพากันก่อเหตุจนเรื่องบานปลาย ได้รายงานผู้บังคับบัญชาและให้ทั้งสองฝ่ายเข้ามาเจรจาไกล่เกลี่ยกันเพื่อยุติปัญหา เพื่อป้องกันการล้างแค้น

รายงานแจ้งว่า ผู้ต้องหา 13 คน แยกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มโรงน้ำแข็งอโยธยา 2 คนคือ นายสหภาพ จันทรสีดา คนขับรถกระบะโตโยต้าวีโก้ ทะเบียน บว 8200 พระนครศรีอยุธา และนายวินัย สนธิสุวรรณ อายุ 33 ปี ที่นั่งมาด้วยกัน ถูกยิงที่แขนขวา 1 นัด กลุ่มโรงน้ำแข็งพันล้าน มี 8 คน คือนายปรัชญา ดิษฐี คนขับรถฮัมเมอร์ นายสหชาติ มานะเปรม นายนพรัตน์ มีสุขเจริญชัย อายุ 27 ปี นายผดุง หรือโต้ง ศักดิลาภ อายุ 36 ปี นั่งมาในรถฮัมเมอร์ นายเกียรติยศ แจ้งพันธุ์ อายุ 37 ปี ผู้ขับรถกระบะโตโยต้ารีโว่ ป้ายแดง ก 9037 นครราชสีมา นายเดชณรงค์ ขันธนิล อายุ 27 ปี นายศักดิ์ชัย ศรีมงคล อายุ 29 ปี และนายสรศักดิ์ สุขสังวรณ์ อายุ 29 ปีนั่งมาด้วยกัน และกลุ่มนายไชยณรงค์ มี 3 คน คือนายไชยณรงค์ จันทรสีดา กำนันตำบลเกาะเรียน นายธีระ จันทร์โอ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 และนายพิษณุ แก้วกระจ่าง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ต.เกาะเรียน ทั้งหมดถูกแจ้งข้อหาร่วมกันชุลมุนต่อสู้เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส และความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.อาวุธปืน มีเพียง 2 คนถูกแจ้งข้อหาพยายามฆ่า นายสหชาติ กลุ่มโรงน้ำแข็งพันล้าน ยิงปืนไปถูกนายวินัย สนธิสุวรรณ บาดเจ็บ และนายพิษณุ แก้วกระจ่าง ผู้ใหญ่บ้าน ที่ยิงถูกนายสหชาติบาดเจ็บ

ด้าน พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 กล่าวถึงคดีโรงน้ำแข็งเปิดศึกยิงถล่มกันว่า ได้รับรายงานเหตุที่เกิดขึ้นแล้ว ทราบว่าสาเหตุมาจากโรงน้ำแข็ง 2 โรง ขายทับเส้นทางกัน โดยฝ่ายโรงน้ำแข็งอโยธยา มีพื้นที่จำหน่ายอยู่ตัวเมืองพระนครศรีอยุธยา ส่วนโรงน้ำแข็งพันล้านมีพื้นที่จำหน่ายอยู่อำเภออุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา แต่มีการวิ่งข้ามเขต จนเกิดเหตุไล่ยิงกัน ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา ดำเนินคดีทุกข้อหากับผู้ก่อเหตุทั้งหมด รวมถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นในการ ก่อเหตุยิงกันครั้งนี้ หากสืบสวนพบว่ามีความผิดเข้าข่าย อังยี่ซ่องโจร ให้ดำเนินคดีข้อหานี้ด้วย

ด้านนายวิทยา เขียวรอด นายอำเภอพระนครศรีอยุธยา กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า ได้เรียกตัวนายไชยณรงค์ จันทรสีดา กำนันตำบลเกาะเรียน พร้อมผู้ใหญ่บ้านอีก 2 คน เข้ามาชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว พร้วมตั้งคณะกรรมการเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้ ก่อนดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

นายไชยณรงณ์ จันทร์สีดา หรือกำนันปิง กล่าวถึงประเด็นที่สังคมมองว่าเป็นเจ้าของ หรือเป็นหุ้นส่วนของโรงน้ำแข็งอโยธยานั้น ขอยืนยันตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับโรงน้ำแข็งอโยธยา สามารถไปตรวจสอบการจดทะเบียนต่างๆได้เลยว่ามีชื่อของตนอยู่หรือไม่ ที่ตนไปในวันเกิดเหตุนั้นก็เพื่อที่จะไประงับเหตุไม่ให้บานปลายเท่านั้น ตอนนี้ตนกำลังถูกทางอำเภอพระนครศรีอยุธยาสอบข้อเท็จจริงอยู่ด้วย แต่ขอยืนยันเลยว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโรงน้ำแข็งอโยธยาแต่อย่างใด

ต่อมาเวลา 15.00 น. ที่โรงน้ำแข็งอโยธยา ต.เกาะเรียน อ.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.เอกราช อุ่นเจริญ รอง ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.ประเวศ ศรีนาค ผกก.สภ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมเจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด พาณิชย์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เข้าตรวจสอบโรงน้ำแข็งอโยธยา และตรวจสอบใบอนุญาตสถานประกอบการ จากนั้นพ.ต.อ.เอกราชเปิดเผยว่า ได้ร่วมกับฝ่ายปกครองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบโรงน้ำแข็งอโยธยา และโรงน้ำแข็งพันล้านพระนครศรีอยุธยา พบว่าทั้ง 2 แห่งมีการประกอบการถูกต้องตามกฎหมาย รอง ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังได้เข้าตรวจค้นเป้าหมาย 19 จุดใน จ.พระนครศรีอยุธยา และได้มีการประสานตำรวจ ภ.จ.สิงห์บุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบโรงน้ำแข็งพันล้านที่จังหวัดสิงห์บุรีด้วย หลังจากนี้ทางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด จะเป็นผู้ตั้งโต๊ะเจรจาข้อตกลงของโรงน้ำแข็งทั้ง 2 แห่งเพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งซึ่งกันและกัน

...

ทางด้าน น.ส.ปุ้ย (ขอสงวนชื่อและนามสกุล) ผู้ดูแลโรงน้ำแข็งอโยธยา เปิดเผยว่า โดยปกติปัจจุบันทางโรงผลิตน้ำแข็ง ผลิตขายไม่ทันอยู่แล้ว ผลกระทบจากการที่มีโรงงานผลิตน้ำแข็งมาส่งน้ำแข็งแข่งขันในพื้นที่ ถือว่ามีผลกระทบน้อยมาก ส่วนเรื่องของการขัดแย้ง ทะเลาะวิวาทกันเป็นเรื่องส่วนบุคคล เป็นเรื่องของพนักงาน คนขับรถและเด็กติดรถที่ไปส่งน้ำแข็ง พนักงานส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายมีประมาณ 50 คน ในส่วนของความสัมพันธ์เกี่ยวโยงกับทางกำนันตำบลเกาะเรียน ทางโรงงานขอยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน