ตำรวจ สภ.เขาดิน นำตัวอดีตพระพี่เลี้ยงตีเณร 9 ขวบตายคากุฏิ ฝากขังศาล จ.ราชบุรี ด้านญาติๆ เสียใจหนักยังรับความจริงไม่ได้ ด้านเณรไม่เคยบอกเรื่องถูกทำร้ายกับใคร คาดกลัวถูกทำร้ายมากกว่าเดิม

กรณีเหตุ พระลูกวัดเขาช่องพราน ได้กระหน่ำตีสามเณรวัย 9 ขวบ จนนอนเสียชีวิตบนเสื่อภายในใต้ถุนกุฏิ โดยมีรอยเขียวช้ำทั่วร่างกาย โดยเฉพาะใบหน้า แก้มก้น กะโหลกยุบ 2 จุด และหน้าผาก เกิดจากการถูกด้ามตาลปัตรตี ในกุฏิสงฆ์ที่วัดเขาช่องพราน ต.เตาปูน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 65 ที่ผ่านมานั้น

ล่าสุดวันนี้ (2 ก.ค. 65) ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยัง สภ.เขาดิน พบว่า จนท.ตำรวจ ได้นำตัวผู้ต้องหาส่งตัวไปฝากขังที่ศาลจ.ราชบุรีแล้ว ขณะที่ศาลาอเนกประสงค์ วัดเขาช่องพราน ซึ่งเป็นสถานที่ประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลศพของสามเณรต้นน้ำ ได้มีบรรดาญาติพี่น้องและเพื่อนๆ ของคุณพ่อและแม่เลี้ยงของสามเณร เดินทางมาเคารพศพกันอยู่ตลอดเวลา

น.ส.ลลิตา พันธุเกิด อายุ 36 ปี แม่เลี้ยงของสามเณรต้นน้ำ กล่าวว่า สามเณรเป็นเด็กที่ร่าเริง อารมณ์แจ่มใส ขยันช่วยงานบ้าน ไม่ดื้อ เป็นเด็กที่พูดน้อย เป็นที่รักของทุกคน ซึ่งถ้าเรารู้ว่า ลูกต้องมาเจออะไรแบบนี้ เราไม่ให้เขาอยู่หรอก เวลามาเยี่ยมเณร เราถามแต่เณรไม่เคยปริปากบอกไม่พูดว่าถูกทำร้าย ตลอดเวลาที่เณรอยู่วัด จะนุ่งผ้าห่มเรียบร้อยและมิดชิด เราและพ่อของเณรจะเห็นเพียงแต่ช่วงแขน มือ และใบหน้าเท่านั้น จึงทำให้เธอและพ่อของเณรจะเห็นรอยที่แขนและใบหน้า แต่พอถามเณรจะบอกว่า เล่นกับแมวจนถูกข่วนและเดินชนประตูจนเป็นรอยเขียวช้ำ

...

แม่เลี้ยงของสามเณรต้นน้ำ กล่าวต่อว่า การสูญเสียครั้งนี้ เป็นการสูญเสียที่เอื้อมไม่ถึง จะเอื้อมไปกอด ไปลา ไปหอม ก็ยังไม่มีโอกาสให้ทำเลย ซึ่งหลังจากที่เณรเสียไปยังไม่มาหาใคร หรือเข้าฝันใคร แต่มีย่าที่อยู่ที่กทม.ได้กลิ่มหอมเหมือนธูป ซึ่งคาดว่า เณรน่าจะมาเรียกให้ไปงานศพของเณร ส่วนที่เณรที่ไม่ยอมบอกใครเรื่องถูกทำร้าย ส่วนตัวคาดว่าเณรคงจะกลัวหากบอกใคร อาจจะถูกผู้ก่อเหตุทำร้ายหนักยิ่งขึ้น จึงปิดเรื่องทั้งหมดไว้ไม่ยอมบอกใคร

ด้าน นายนัท ลุงของสามเณรต้นน้ำ กล่าวว่า ตนรู้สึกข้องใจสงสัยว่า ทำไมผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นเพื่อนกับตนและพ่อของเณร ถึงไม่ยอมออกมาเรียกคนให้เข้าไปช่วยเหลือเณร กลับใช้วิธีส่งแชตข้อความทางไลน์ไปหาพระรูปอื่น ให้ช่วยมาอุ้มเณรช่วงประมาณตี 1 กว่า แต่พระที่ส่งข้อความไปกลับไม่ได้อ่านข้อความ เพราะจำวัดไปแล้วและมารู้เรื่องช่วงตีห้า นั่นแสดงหมายถึงว่า ขณะนั้นเณรอาจจะยังไม่เสียชีวิต อาจคงได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ เพราะตนมีหลักฐานเป็นแชตข้อความทางไลน์ระหว่างผู้ก่อเหตุกับพระอีกรูป ที่ผู้ก่อเหตุทักไปหา แต่ผู้ก่อเหตุกลับนอนรอจนเช้า จนคนขับรถมาปลุกเณรถึงรู้ว่าเณรเสียชีวิตไปแล้ว

"ถ้าผู้ก่อเหตุรักเณร ตีเณรเพื่อสั่งสอนเพราะรักเหมือนลูกตามที่กล่าวอ้างจริง คงออกไปเรียกให้คนเข้ามาช่วยตั้งแต่ช่วงตี 1 กว่าแล้ว ซึ่งตนยอมรับว่า รับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และคงไม่มีวันให้อภัยให้กับเพื่อน ที่ทำร้ายสามเณรหลานชายของตนจนเสียชีวิตอย่างทรมาน ตอนนี้ทางญาติทุกคนของเณร ยังรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อยากให้ทางสื่อช่วยออกภาพความน่ารักของเณรต้นน้ำ ตอนยังมีชีวิตอยู่ เพื่อคลายความเศร้าโศกเสียใจหดหู่ใจให้กับญาติทุกคนของเณรด้วย" ลุงของเณรต้นน้ำ กล่าว

ขณะที่ นายประสิทธิ์ วันชะเอม อายุ 69 ปี คนขับรถรับส่งพระ-เณร ไปออกรับบิณฑบาตประจำวัดเขาช่องพราน เปิดเผยว่า วันที่เกิดเหตุตนได้เข้าไปปลุกเณร เพื่อไปบิณฑบาตเหมือนทุกวัน แต่วันนั้นเณรไม่มีการตอบรับ พอตนจับที่แขนเณรรู้สึกว่าแข็งแล้ว จึงรีบเรียกพระที่นอนอยู่ในห้องเดียวกันกับเณรให้มาดู แล้วรีบไปเรียกรองเจ้าอาวาสให้รับทราบ พอรองเจ้าอาวาสเข้าไปดูก็ร้องไห้เสียงดังมาก ทำให้ตนรู้ทันทีว่าเณรเสียจริงๆ แล้ว แต่ตนต้องขับรถพาพระองค์อื่นออกไปบิณฑบาตในเช้านั้น จึงไม่ได้รอสอบถามเรื่องราวจากทางรองเจ้าอาวาส ตนรู้สึกหดหู่ใจ เสียใจมาก จนกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เพราะเณรนิสัยดี ยิ้มแย้ม และเป็นที่รักมากของหมู่บ้าน ซึ่งชาวบ้านจะรอใส่บาตรกับเณรกันเป็นประจำ

...

ส่วน นายถวิล เง่อเขียว ชาวบ้าน ต.เตาปูน ที่รอใส่บาตรเณร กล่าวว่า ตนใส่บาตรพระและเณรตอนเช้าทุกวัน วันเกิดเหตุตนรอใส่บาตรเณร แต่ก็ไม่เห็นมาตนก็เอะใจ มีแต่พระที่มาตนก็ไม่ได้ถามพระว่าทำไมเณรไม่มาด้วย จนหลังใส่บาตรเสร็จได้ไม่นาน มีข่าวว่าเณรเสียแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเสียเพราะอะไร จนมาทราบข่าวว่าเณรถูกฆ่า ทำให้ตนหดหู่ใจ และเสียใจมากๆ เพราะเณรยังเล็กอยู่ ไม่น่าจากไปไว และต้องมามรณภาพด้วยสาเหตุนี้ ชาวบ้านทุกคนรักเณรมาก ตอนที่เณรออกบิณฑบาตใหม่ๆ ตนยังคิดว่าดี ที่วัดเรามีสามเณรออกบิณฑบาตกับพระด้วย ซึ่งเณรมีหน้าตาน่ารัก ผิวพรรณที่ผ่องใส ยิ้มแย้มตลอดเวลา แถมเป็นคนที่มีน้ำใจ จึงเป็นที่รักของชาวบ้านเป็นอย่างมาก.