น้ำมันแพง และปุ๋ยที่ราคาสูงขึ้น กระทบต่อชาวนาที่ อ.บ้านโป่ง ด้วยราคาข้าวเปลือกอยู่ที่ 8,000-8,300 ต่อตัน ทำให้ชาวนายังขาดทุน ด้านรถเกี่ยวข้าวก็ลำบาก ชี้แบกภาระค่าน้ำมันช่วยชาวนาได้อีกไม่นาน
เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 65 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บริเวณ ต.คุ้งพยอม อ.บ้านโป่ง พูดคุยกับผู้ประกอบการรถเกี่ยวข้าว หนึ่งในอาชีพที่ได้รับผลกระทบ เรื่องของราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) มีมติให้ปรับราคาน้ำมันดีเซลอีกครั้งจาก 34 บาทต่อลิตร เป็น 35 บาทต่อลิตร เหตุจากปัจจัยน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 14 มิ.ย. 65 เป็นต้นไป
...
นายสายชล เขียววิชัย ผู้ประกอบการรถเกี่ยวข้าว เปิดเผยว่า ทำอาชีพนี้มาแล้ว 13 ปี ปัจจุบันรับจ้างเกี่ยวข้าวอยู่ที่ไร่ละ 500 บาท ซึ่งพอที่จะมีกำไรเลี้ยงดูครอบครัว กระทั่งราคาน้ำมันดีเซลปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนมาหยุดอยู่ที่ 35 บาทต่อลิตร ประกอบกับค่าบำรุงรักษารถและราคาอะไหล่ที่ขยับขึ้นเช่นกัน ทำให้ตอนนี้ผู้ประกอบการเหลือกำไรต่อไร่ไม่มากนัก แต่ก็ยังคงไม่ปรับราคาค่าเกี่ยวข้าว เนื่องจากรู้สึกเห็นใจและไม่อยากซ้ำเติมชาวนา ทว่าหากราคาน้ำมันยังปรับขึ้นไปจนถึงลิตรละ 40 บาท ผู้ประกอบการคงไม่สามารถแบกรับไหว ต้องขอปรับขึ้นอีกไร่ละ 50-100 บาท
ด้าน ชาวนาในพื้นที่ อ.บ้านโป่ง ที่กำลังรอลุ้นปริมาณผลผลิตข้าวนาปรังที่เริ่มปลูกมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์อย่าง นายไพฑูรย์ กมศิลป์ เปิดเผยว่า ตัวเองพร้อมกับคนในครอบครัว มีอาชีพทำนามาแล้วกว่า 30 ปี ปลูกข้าวสุพรรณบุรี 1 ทั้งในช่วงนาปรังและนาปี สำหรับต้นทุนการผลิตต่อไร่ในรอบการผลิตนี้อยู่ที่ประมาณ 7,000-7,500 บาท ประกอบด้วยค่าเตรียมดิน 550 บาท ค่าเมล็ดพันธุ์ 500 บาท ค่าน้ำมันเครื่องสูบน้ำ 500 บาท ค่าปุ๋ยเคมี 1 กระสอบครึ่ง 2,475 บาท ค่าสารเคมีกำจัดวัชพืชและศัตรูพืช 1,000 บาท ค่าเก็บเกี่ยวและขนส่ง 600 บาท และค่าบริหารจัดการอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง
นอกจากนี้ยังมีค่าเช่าที่นา ซึ่งจะต้องจ่ายเป็นข้าวเปลือกจำนวน 20 ถังต่อไร่ แต่ปัจจุบันราคารับซื้อข้าวเปลือกเจ้าสุพรรณบุรี 1 ในพื้นที่อยู่ประมาณตันละ 8,000-8,300 บาท ในส่วนของตนทำนาอยู่ 70 ไร่ และได้ผลผลิตประมาณ 56 ตัน หรือ 800 กิโลกรัมต่อไร่ เมื่อคำนวณดูแล้ว การทำนารอบนี้ขาดทุนเหตุปัจจัยหลักมาจากค่าปุ๋ยเคมีและน้ำมันดีเซลที่เพิ่มขึ้น
...
ทั้งนี้ อยากให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาราคาต้นทุนการผลิตของเกษตรกร รวมไปถึงพิจารณาปรับราคารับซื้อข้าวเปลือกขึ้นไปเป็นตันละ 10,000 บาท เพื่อให้ชาวนาได้เงินค่าขายข้าวกลับมาเป็นต้นทุนการผลิตในรอบต่อไป และหวังว่าราคาต้นทุนการผลิตข้าวนาปีจะลดลง แต่ถ้าหากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น ชาวนาบางส่วนคงจำเป็นต้องหยุดทำนาชั่วคราว.