2 อดีตลูกความทนายที่ว่าความคดีให้แม่แตงโมที่อุดรธานี แฉโดนหลอกเงิน 7 หมื่นแลกไม่ติดคุก แต่สุดท้ายช่วยไม่ได้ ขอเงินคืนก็ได้ไม่ครบ จึงเข้าแจ้งความ เผยเจ้าตัวเป็นคนพูดจาดี แต่ขออย่าไปหลอกคนอื่น
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 9 มีนาคม 2565 ผู้สื่อข่าวเดินทางไป สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อสอบถามกรณี นายกฤษณะ ศรีบุญพิมพ์สวย ทนายความนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ดาราสาวแตงโม นิดา ที่พลัดตกเรือสปีดโบ๊ต ยังอยู่ในระหว่างสอบสวนหาข้อเท็จจริงว่า เป็นอุบัติเหตุหรือฆาตกรรม โดยมีกลุ่มเพื่อนแตงโมกลุ่มดารานักแสดง และกลุ่มทนายความดังออกมาช่วยสืบสวนหาข้อเท็จจริง รวมทั้งนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ที่ติดตามคดีดังกล่าวตั้งแต่เริ่มต้น แต่นางภนิดา ได้เขียนจดหมายถึงทนายตั้ม ให้เลิกยุ่งเกี่ยวกับคดี เพราะไม่ไว้ใจและไม่ได้จ้าง และได้นายกฤษณะเป็นทนายความให้คำปรึกษาแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งทนายตั้ม ได้ออกมาตอบโต้ว่า ให้ระวังทนายของแม่แตงโม เพราะเป็นทนายมีประวัติถูกแจ้งความดำเนินคดีที่โรงพักเมืองอุดรธานี มีผู้เสียหายหลายคน ซึ่งตำรวจได้บอกว่ามีคดีความจริง แต่ไม่สามารถให้ข้อมูลได้ เพราะเป็นหลักฐานทางราชการ
...
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบนางบุญมี มีหลง อายุ 54 ปี และนางวรรณา พิมพ์เพ็ง อายุ 54 ปี ชาวบ้านหนองหูลิง หมู่ 2 ต.หนองไฮ อ.เมือง จ.อุดรธานี อดีตลูกความ ที่เคยแจ้งความดำเนินคดีกับนายกฤษณะ ศรีบุญพิมพ์สวย ทนายความแม่แตงโม ซึ่งทั้งสองร่วมกันเล่าว่า เมื่อปี 2560 สามีของพวกตนถูกจับดำเนินคดีข้อหา “แจ้งความเท็จ” หลังไปลงชื่อรับรองชาวลาวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย หลังตำรวจควบคุมตัวนำส่งฟ้องศาลจังหวัดอุดรธานี ได้มีนายกฤษณะ เข้ามาพูดคุย อ้างตัวเป็นทนายความ เข้ามาสอบถามพวกตน และเสนอตัวเป็นทนายความรับว่าความให้พวกตน คิดค่าว่าความ 7 หมื่นบาท รับรองว่าไม่ติดคุก หากสามีพวกตนติดคุกจะยอมคืนเงินให้ทั้งหมด
นางบุญมี กล่าวต่อว่า ได้นำทองไปจำนำ และหยิบยืมเงินจากญาติพี่น้อง และโอนผ่านธนาคารกสิกรไทยเงินไปให้ทนายกฤษณะ 5 หมื่นบาท วันหลังเอาไปให้อีก 2 หมื่นบาท รวมเป็น 7 หมื่นบาท พอขึ้นศาลชั้นต้นปรากฏว่าศาลพิพากษาจำคุก 6 เดือน ซึ่งได้ยื่นอุทธรณ์ เดือนกันยายน 2560 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นติดคุก 6 เดือน ซึ่งนายกฤษณะไม่ได้มาฟังคำพิพากษาด้วย และติดต่อไม่ได้ ไม่คืนเงินตามสัญญา ตนจึงนำสลิปการโอนเงินไปแจ้งความที่โรงพักเมืองอุดรธานี กระทั่งปี 2561 ตำรวจได้จับนายกฤษณะได้ที่กรุงเทพฯ นำตัวมาดำเนินคดีที่ จ.อุดรธานี พนักงานสอบสวนเรียกตนมาตกลงกับนายกฤษณะ ทราบว่านายกฤษณะมีหมายจับ 9 หมาย ซึ่งตนเห็นว่าถ้านายกฤษณะติดคุกก็ไม่ได้เงินคืน ตนจึงเลือกขอเงินคืน ซึ่งนายกฤษณะนำเงินมาคืน 5 หมื่นบาท เหลือค้าง 1 หมื่นบาท อีก 1 หมื่นบาทยกให้เป็นค่าว่าความ
อดีตลูกความทนายกฤษณะ กล่าวอีกว่า เมื่อพบกันบนโรงพัก นายกฤษณะจะมากราบเท้าตน แต่ตนไม่ให้กราบ เพราะตนคิดว่ามันมากเกินไป ไม่สมควร ตนขอเพียงแค่ให้นำเงินมาคืนก็พอ ซึ่งนายกฤษณะบอกว่าผมติดขัด ที่ผ่านมาไม่มีเงินใช้จ่าย จึงนำเงินของพวกตนไปใช้ก่อน ซึ่งนายกฤษณะได้ยืมเงินเพื่อนผู้หญิงที่มาด้วยนำเงินมาชดใช้ให้ตน 5 หมื่นบาท เงินที่ได้ตนนำไปจ้างหมอลำซิ่งมาแสดงให้ชาวบ้านดู ส่วนเงินที่เหลือตนได้โทรศัพท์ไปทวงนายกฤษณะ ซึ่งตอบมาว่าตอนนี้ตกงาน ติดโควิด-19 พูดดีตลอด ไม่หลีกเลี่ยงรับสายตลอด
"พอเห็นนายกฤษณะไปปรากฏตัวเป็นทนายแม่แตงโม รู้สึกสลดใจ ทำไมแม่แตงโมถึงไม่เลือกทนายตั้ม หรือทนายคนใหม่ ฝากถึงทนายกฤษณะว่า ถ้าเป็นไปไม่ได้ อย่าไปว่าความให้คนอื่น ถ้ายังขี้โกง และให้เอาเงินมาคืนตนและนางวรรณา รวม 8 หมื่นบาท" นางบุญมี กล่าว
...
ส่วนนางวรรณา ผู้เสียหายอีกคน เล่าว่า ตนได้นำเงิน 7 หมื่นบาท ไปยื่นให้นายกฤษณะขณะนั่งกินข้าว ทำให้ไม่มีสลิปการโอนเงินเป็นหลักฐาน จึงไม่ได้แจ้งความดำเนินคดีเหมือนนางบุญมี แต่หลังจากนายกฤษณะถูกจับ และคืนเงินนางบุญมี 5 หมื่นบาท นายกฤษณะ ได้บันทึกถ้อยคำต่อหน้าพนักงานสอบสวน สัญญาว่าจะคืนเงินให้ตนด้วยการผ่อนชำระเดือนละ 1 หมื่นบาทจนครบ แต่จนถึงวันนี้ นายกฤษณะก็ไม่เคยคืนเงินตนแม้แต่บาทเดียว เคยให้นางบุญมีโทรไปทวง ก็บ่ายเบี่ยงมาตลอด อยากฝากถึงนายกฤษณะว่า เอาเงินมาคืนหน่อย อยากได้อยู่ หากได้เงินคืนตนจะนำเงินไปทำบุญ.