ด.ช.10 ขวบ ไส้ติ่งอักเสบ แม่พาส่ง รพ.พระยุพราชสระแก้ว ใช้เวลาเดินทาง 15 นาที แต่ใช้เวลานอนรอหมอผ่าตัดนานกว่า 10 ชั่วโมง จากสี่ทุ่ม ได้ผ่าตอน 9 โมงเช้าของอีกวัน แต่ก็สายไปแล้ว หนองแตกเต็มช่องท้อง เด็กเสียชีวิต

กรณี นางสายหยุด สีทอง อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 61/1 ม.2 ต.วังท่าช้าง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ได้ร้องเรียนว่า ด.ช.สงกรานต์ หรือ น้องกานต์ สีทอง อายุ 10 ขวบ ลูกชายมีอาการปวดท้องอย่างหนัก จึงพาไปรักษาที่ รพ.สมเด็จพระยุพราชสระแก้ว ซึ่งเป็น รพ.ที่ใกล้ที่สุด ใช้เวลาแค่ 15 นาทีก็พาเด็กมาถึง รพ.ตั้งแต่ช่วง 4 ทุ่มเศษ หมอตรวจพบว่าไส้ติ่งอักเสบแต่ไม่ผ่าตัดจนเด็กตาย ต้องการให้ รพ.เข้ามารับผิดชอบกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้ผู้เป็นแม่ เปิดเผยว่า ลูกชายวัย 10 ขวบ นักเรียนชั้น ป.5 นอนรอหมอผ่าตัดของโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว นานกว่า 10 ชั่วโมง จนไส้ติ่งแตกและเสียชีวิต แม่จึงอยากให้โรงพยาบาลปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน โดยอยากให้ชีวิตของลูกชายเป็นกรณีสุดท้าย ไม่ใช่กรณีศึกษา 

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังวัดห้วยกระบอก หรือวัดถ้ำเขามะกา ตำบลศาลาลำดวน อำเภอเมือง จังหวัดสระแก้ว สถานที่จัดงานสวดอภิธรรมศพน้องกานต์ วัย 10 ขวบ ได้พูดคุยกับ นางสายหยุด สีทอง อายุ 39 ปี ผู้เป็นแม่ เผยว่า ลูกชายคือ เด็กชายสงกรานต์ สีทอง หรือน้องนักเรียนชั้น ป.5 โรงเรียนบ้านเขามะกา เมื่อวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา ลูกชายปวดท้องมาก ก่อนครอบครัวจะพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว ไปถึงโรงพยาบาลเวลาประมาณ 4 ทุ่ม เจ้าหน้าที่พาเข้าไปตรวจในห้องฉุกเฉิน และวินิจฉัยว่าน้องสงกรานต์ต้องผ่าตัดเอาไส้ติ่งออก

...

"แต่น้องสงกรานต์กลับต้องนอนรอหมอผ่าตัดไปจนถึง 9 โมงเช้าอีกวัน (4 มี.ค.) จึงจะได้เข้าห้องผ่าตัด เมื่อเข้าไปในห้องผ่าตัดได้ไม่นาน ทีมหมอออกมาบอกกับแม่ว่า น้องอาการโคม่า มีหนองออกเต็มช่องท้อง (ไส้ติ่งแตกแล้ว) ก่อนจะใช้เครื่องช่วยหายใจ และมีการยืนยันเวลาน้องสงกรานต์เสียชีวิต เมื่อเวลาบ่าย 3 โมงครึ่งวันเดียวกัน"

แม่น้องสงกรานต์ ยังบอกอีกว่า ลองคิดถึงหัวอกคนเป็นแม่ อยู่กับลูกตลอดเวลาที่ลูกนอนปวดท้อง เห็นลูกนอนดิ้นทุรนทุราย นอนรอหมอนานมากจนตั้งแต่กลางดึกจนข้ามวัน กระทั่งเกิดอาการเพ้อ พูดจาไม่รู้เรื่อง ส่วนตัวไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่มีหมอผ่าตัดให้กับคนไข้ที่มีอาการฉุกเฉินแบบนี้ เพราะในช่วงเวลาที่นอนรอหมอผ่าตัด ก็เห็นเจ้าหน้าที่ หรือแม้แต่หมอเวรเองยังนั่งเล่นโทรศัพท์เหมือนไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลย เมื่อทีมข่าวสอบถามแม่น้องสงกรานต์ ว่า ต้องการเรียกร้องอะไรจากหน่วยงาน แม่น้องสงกรานต์ยืนยันว่า ไม่อยากให้เคสน้องสงกรานต์เป็นกรณีศึกษา แต่อยากให้เป็นกรณีสุดท้าย เพราะชื่อเสียงของโรงพยาบาลในเรื่องของการรักษาคนไข้ ค่อนข้างจะมีชาวบ้านว่ากล่าวตำหนิกันเป็นจำนวนมาก

เช่นเดียวกับพี่สาวของแม่น้องสงกรานต์ ยืนยันว่า การบริการของโรงพยาบาลแห่งนี้ได้พบเจอกับเหตุการณ์ด้วยตัวเอง ก่อนหน้านี้ เคยถูกตะขาบกัด แต่เมื่อไปหาหมอ กลับให้นอนรอนานมากกว่าจะได้ยารักษา

ขณะเดียวกัน เมื่อช่วงเวลาประมาณ 4 ทุ่ม เมื่อคืนนี้ (6 มี.ค.) เฟซบุ๊กโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว ออกแถลงการณ์ โดยได้แสดงความเสียใจและขออภัยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยทีมผู้บริหารโรงพยาบาลได้เข้าพูดคุยทำความเข้าใจกับครอบครัวน้องสงกรานต์แล้วเมื่อวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา และได้นัดพูดคุยกับแม่น้องสงกรานต์ในช่วงบ่ายวันนี้ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช นอกจากนั้นทางโรงพยาบาลเองยังได้ตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเรื่องนี้เป็นกรณีพิเศษ เพื่อแก้ไขปรับปรุงระบบการทำงาน ป้องกันการเกิดเหตุซ้ำอีก.