"องคมนตรี" ลงพื้นที่ดอนขุนห้วย จ.เพชรบุรี ติดตามโครงการตามพระราชประสงค์หุบกะพง จากที่รกร้างไร้คุณค่า สู่แผ่นดินทำกินสมบูรณ์
เมื่อวันที่ 5 มี.ค.65 พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี และ พล.อ.จอม รุ่งสว่าง องคมนตรี พร้อมด้วย นายสมศักดิ์ เพิ่มเกษร รองเลขาธิการ กปร. และคณะอนุกรรมการฯ ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าของโครงการ ตามพระราชประสงค์หมู่บ้านสหกรณ์ดอนขุนห้วย ซึ่งเป็นโครงการฯ ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานพระราชดำริให้จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2514 เพื่อช่วยเหลือราษฎรที่ไร้ที่ทำกินให้มีที่ทำกิน
โดย พล.อ.อ.ชลิต เปิดเผยว่า พื้นที่หมู่บ้านสหกรณ์ตามพระราชประสงค์ดอนขุนห้วย เกิดขึ้นหลังโครงการตามพระราชประสงค์หุบกะพง ซึ่งพบว่ายังมีราษฎรที่ไม่มีที่ทำกินอีกมาก พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จึงพระราชทานพระราชดำริให้จัดตั้งเป็นหมู่บ้านสหกรณ์ พร้อมจัดสรรที่ดินที่เหมาะสมให้แก่สมาชิกประมาณ 15 ไร่ต่อครัวเรือน เพื่ออยู่อาศัยและทำกิน พร้อมจัดทำระบบน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคและการเกษตร ในพื้นที่ดอนขุนห้วยขึ้นมาเพิ่มเติมอีกหนึ่งแห่ง ทุกครอบครัวจะไม่มีการถือกรรมสิทธิ์ แต่สามารถทำกินจนชั่วลูกชั่วหลานแบบสืบทอดกันได้ ปัจจุบันกลุ่มสมาชิกมีน้ำเพียงพอ โดยใช้ระบบน้ำส่งเข้าแปลงเพาะปลูกต่างๆ อย่างทั่วถึง สามารถทำเกษตรกรรมได้อย่างต่อเนื่อง" องคมนตรี กล่าว

...
ด้าน นางครสวรรค์ โภคา ผู้อำนวยการกองประสานงานโครงการพระราชดำริ กรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า สหกรณ์การเกษตรดอนขุนห้วย จำกัด ปัจจุบันกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้เข้ามาส่งเสริมสนับสนุนให้สมาชิกนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาปฏิบัติใช้ เพื่อยกระดับความเข้มแข็งในทุกๆ ด้าน นับตั้งแต่การบริหารจัดการการส่งเสริมอาชีพและการตลาด โดยเน้นให้สหกรณ์มีการทำบัญชีรายรับรายจ่าย สามารถปิดบัญชีในรอบปีได้ ส่วนในเรื่องอาชีพมีการทำแผนพัฒนาสหกรณ์ตามบันได 7 ขั้น เส้นทางสู่เส้นชัย ภายใต้แนวทางการรวมกลุ่มอย่างยั่งยืน ส่งเสริมอาชีพให้แก่สมาชิกฯ ปลูกผักและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากงานหัตถกรรมของกลุ่มแม่บ้าน นำผลกำไรมาต่อยอดขยายกิจการ โดยทางสหกรณ์จังหวัดเพชรบุรีได้เข้ามาแนะนำส่งเสริมอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ เพื่อพัฒนาให้สมาชิกมีรายได้ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ที่สำคัญสหกรณ์แห่งนี้ต้องไม่มีการทุจริต มีการดำเนินงานโปร่งใส ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของสมาชิกฯ อย่างสูงสุด โดยมีศูนย์สาธิตสหกรณ์หุบกะพง จ.เพชรบุรี เป็นพี่เลี้ยงและแม่แบบ" นางครสวรรค์ กล่าว
นอกจากนี้ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ยังได้พระราชทานพระราชดำริเพิ่มเติมในการพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยให้ส่งเสริมอาชีพเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของราษฎรให้ดีขึ้น อาทิ การทำเกษตร การแปรรูปผลผลิต งานศิลปาชีพ รวมถึงการรวมกลุ่มสหกรณ์ต่างๆ โดยมีศูนย์สาธิตสหกรณ์หุบกะพง จ.เพชรบุรี ให้คำแนะนำด้านสหกรณ์แก่สมาชิก ทั้งนี้ เพื่อให้ราษฎรสามารถประกอบอาชีพได้อย่างถูกต้องเหมาะสม มีระบบในการจำหน่ายผลผลิตอย่างครบวงจร และมีรายได้เลี้ยงดูครอบครัวได้อย่างพอเพียงตามพระราชประสงค์
ด้าน น.ส.ลาวัณย์ ลืมสกุล ประธานกลุ่มปลูกหม่อนเลี้ยงไหมและการทอผ้า ดอนขุนห้วย เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้จะปลูกสับปะรดและผัก แต่รายได้ไม่เพียงพอ จึงหันมาทำอาชีพเสริมด้วยการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม นำใยไหมมาทอผ้า ผลผลิตจะขายแบบทั่วไป มีรายได้เฉลี่ย 8,000 ถึง 20,000 บาทต่อปี โดยกรมหม่อนไหมได้ส่งเจ้าหน้าที่มาให้คำแนะนำทั้งการปลูกหม่อน การเลี้ยงไหม การสาวไหมและการทอผ้า
"ชีวิตความเป็นอยู่ในปัจจุบันดีขึ้นกว่าแต่ก่อน มีหลักการในการรวมกลุ่มกันอยู่อย่างพอเพียง เก็บเล็กผสมน้อยเผื่อไว้ใช้ในยามจำเป็น มีหน่วยงานต่างๆ เข้ามาดูแล เช่น กรมหม่อนไหม และกรมพัฒนาสังคม ก็ขอขอบคุณพระองค์ท่านที่ทำให้เรามีอาชีพ มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในวันนี้" น.ส.ลาวัณย์ ระบุ