จนท.กรมการกงสุลต้อนรับ คนไทยที่อพยพออกจากยูเครนลอต 3 จำนวน 40 คน ก่อนพาเข้ากักตัวตามมาตรการของ สธ. โดยหลายคนดีใจได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย ส่วนลอตที่ 4 จะมาถึงในวันพรุ่งนี้โดยแบ่งเป็น 2 คณะ
เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 3 มี.ค.2565 นายจาตุรนต์ ไชยะคำ รองอธิบดีกรมการกงสุล พล.ท.ณรงค์ พฤกษารุ่งเรือง ผู้บัญชาการเหตุการณ์ ศูนย์ปฏิบัติการท่าอากาศยาน สนามบินสุวรรณภูมิ นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) (ทอท.) ให้การต้อนรับคนไทย ชุดที่ 3 กลับถึงประเทศไทย จากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่าง 'รัสเซีย-ยูเครน' ซึ่งส่งผลกระทบต่อความ ปลอดภัยของคนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศยูเครน โดยทางสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอร์ซอ โปแลนด์ ได้ให้การช่วยเหลืออพยพคนไทยในยูเครน เดินทางจากประเทศโปแลนด์ เพื่อเดินทางกลับประเทศไทย โดยเปลี่ยนเครื่องที่เมืองดูไบ และเดินทางกลับประเทศไทย สายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 384 ถึงประเทศไทยเวลา 12.05 น. โดยมีคนไทยที่อพยพจากยูเครน 40 คน ผ่านขั้นตอนการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด 19 ตามขั้นตอนของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ขึ้นรถบัสจำนวน 2 คัน ไปกักตัวที่ สถาบันบำราศนราดูร โดยรวมคนไทยที่อพยพกลับประเทศไทยจำนวน 3 ชุด จำนวน 136 คน และยังมีคนไทย จำนวน 43 คนได้เดินทางจากศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือคนไทยในยูเครน เมืองลวีฟ เข้าประเทศโปแลนด์ และเข้าพักอยู่ที่ กรุงวอร์ซอ เพื่อเตรียมเดินทางกลับประเทศไทย ในวันที่ 4 มี.ค.2565
...
นายจาตุรนต์ ไชยะคำ รองอธิบดีกรมการกงสุล กล่าวว่า คนไทยที่อพยพมาเที่ยวนี้เดินทางมาจากยูเครนมาถึงวอร์ซอเมื่อวานประมาณ 40 คน ส่วนใหญ่มาจากเมืองเคียฟ โดยคนไทยกลุ่มนี้มีนายจ้างมาส่ง 25 คน นอกนั้นก็เดินทางมากันเอง มาพักที่กรุงลวีฟ ศูนย์ช่วยเหลือคนไทยที่ยูเครนและย้ายเข้ามาที่กรุงวอร์ซอ โดยใช้เวลาเดินทางหลายชั่วโมง ส่วนคนไทยที่เหลือจะมีการเดินทางในวันพรุ่งนี้ อีกกลุ่มหนึ่งมาถึงเมืองไทยในวันเสาร์ ที่มาจากกรุงวอร์ซอ โปแลนด์ จำนวน 45 คน โดยจะบินมาที่ดูไบและเดินทางต่อมายังประเทศไทย ส่วน อีก 16 คนที่ข้ามแดนมาที่โรมาเนีย ต้องเดินทางจาก กรุงบูคาเรสต์ ไปยังสวิตเซอร์แลนด์ และบินกับประเทศไทยโดยสายการบินไทย เข้ามาถึงเวลาประมาณ 06.50 น. และกลุ่มจากวอร์ซอจะบินมากับสายการบินเอมิเรตส์ จะมาถึงเวลา ประมาณ 12.05 น.วันที่ 5 มี.ค.2565 กลุ่มคนไทยที่มีครอบครัวและประสงค์จะอยู่ที่นั่น จำนวน 31 คน และยังเหลืออีก 8 คนที่ยังไม่สามารถเดินทางออกมาได้ และรอให้สถานการณ์คลี่คลายน่าจะออกมาได้เราก็พยายามช่วยเหลืออยู่
ด้าน นางสาวสุภานันท์ ทองอินทร์ ชาวจังหวัดปราจีนบุรี แรงงานไทยในยูเครน กล่าวถึงเหตุการณ์ในกรุงเคียฟว่า ขณะที่ตัวเองและเพื่อนซึ่งไปทำงานสปาอยู่ที่กรุงเคียฟนั้น ช่วง 2 วันแรกก็ยังไม่รุนแรงเท่าไหร่และยังไม่มีแผนที่จะต้องอพยพ จนกระทั่งสถานการณ์เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงเช้ามืดจะได้ยินเสียงระเบิดดังต่อเนื่อง และเริ่มดังใกล้เข้ามาจนรับรู้แรงสั่นสะเทือนได้ถึงในบ้านพัก จนต้องตัดสินใจขออพยพออกมาจากเมืองเคียฟเพื่อขอกลับประเทศไทย
หนึ่งในคนไทยที่ทำงานอยู่ในกรุงเคียฟ กล่าวอีกว่า การเดินทางจากเคียฟต้องใช้รถไฟออกจากเมืองมายังสนามบินซึ่งอยู่ที่เมืองลวีฟ ใช้เวลาในการเดินทางถึง 9 ชั่วโมงเต็ม จนได้ขึ้นเครื่องบินและกลับมาถึงยังประเทศไทย ซึ่งรู้สึกโล่งและดีใจมากที่กลับมาถึงบ้านเกิดได้อย่างปลอดภัย ขณะที่ยังมีแรงงานไทยอีกหลายๆ คนที่ได้เดินทางกลับมาในครั้งนี้ต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวว่าน่ากลัวมาก และเหตุการณ์เริ่มทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ น่ากลัวมากและมีการอพยพคนไทยออกมาให้มากที่สุด ส่วนที่ว่าหลังเหตุการณ์สงบลงแล้วจะกลับไปทำงานอีกหรือไม่นั้นก็ต้องรอถามเจ้านายอีกทีว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร
...
ส่วน นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวว่า สำหรับในไฟลต์ EK384 นี้ เป็นไฟลต์ที่ 3 ที่มีการพาคนไทยจากยูเครนกลับสู่ประเทศไทยของเรา การปฏิบัติในวันนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จำนวนผู้โดยสารที่เดินทางเข้ามาในวันนี้จำนวน 40 คน ซึ่งผ่านการคัดกรองของกระทรวงสาธารณสุขตามขั้นตอนเรียบร้อยทุกคน ซึ่งทั้งหมดจะถูกส่งไปที่สถาบันบำราศนราดูร เพื่อรอฟังผลการตรวจในครั้งนี้ ก็ต้องบอกว่าทุกการปฏิบัติของหน่วยราชการมีการประสานการปฏิบัติกันอย่างดี
...
ผอ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวด้วยว่า ส่วนคนไทยในยูเครนที่ยังเหลือตกค้างอยู่ที่ดูไบ ในขณะนี้เท่าที่ได้รับการประสานงานเราจะมีไฟลต์ที่เดินทางเข้ามาอีกครั้งในวันที่ 5 มีนาคม 2565 จะมี 2 เที่ยวบินเป็นเที่ยวบินของสายการบินไทย น่าจะไม่เกิน 20 คน และเที่ยวบินของเอมิเรตส์น่าจะอยู่ที่ 45 คน แต่ตัวเลขอาจจะมีการปรับเพิ่มได้ก็ต้องดูในวันที่จะถึงอีกที และการเดินทางกลับมาของแรงงานไทยในยูเครนในครั้งนี้ พบว่ามีอุปสรรคบ้างโดยมีแรงงานไทยซึ่งเป็นผู้หญิง รายหนึ่งถูกโจรกรรมพาสปอร์ตในระหว่างอพยพ แต่ก็มีเอกสารชั่วคราวทางเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองต้องมีการใช้เวลาในการตรวจสอบเล็กน้อย ในการตรวจสอบเอกสารแต่ทุกอย่างก็เรียบร้อย ซึ่งตนเห็นว่าเวลาผ่านไปนานก็เลยขอเดินเข้าไปสอบถามเจ้าหน้าที่ว่าติดขัดตรงไหน แต่ก็เรียบร้อยดีผ่านออกมาได้ปกติ.