ปัญหาเสือกัดคน กัดกินสัตว์เลี้ยงบริเวณชายป่า ใกล้เขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม จ.กาญจนบุรี น่าจะจบสิ้นเร็วๆ นี้ หลังพบตัวการเป็น "เสือพิการ" ไอ้ลายพาดกลอน มีแค่ 3 ขา ทำให้ไม่สามารถไล่จับสัตว์ป่าที่ปราดเปรียวว่องไวได้ ต้องล่าสัตว์เลี้ยงของชาวบ้านเป็นอาหารประทังชีวิต..

นักล่าแห่งปิล๊อกคี่

จากเหตุเสือโคร่งในป่าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ออกมาทำร้ายชาวบ้านและสัตว์เลี้ยงในช่วงที่ผ่านมา ในลักษณะดักซุ่มทำร้าย ซึ่งผิดวิสัยของเสือ ที่มักไม่เข้ามาใกล้หมู่บ้าน ชุมชน จะหลีกหนีให้ไกลจากคนให้มากที่สุด

เรื่องนี้ นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า ตามข้อสั่งการของ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ให้ดำเนินการดูแลความปลอดภัยในเรื่องเสือโคร่งให้กับชาวบ้านปิล๊อกคี่ และช่วยอนุรักษ์ฟื้นฟู ประชากรเสือโคร่งในป่าของประเทศไทยให้คงอยู่ตลอดไป

ปิศาจสามขาแห่งปิล๊อกคี่
ปิศาจสามขาแห่งปิล๊อกคี่

...

กระทั่งได้รับรายงานจาก นายกมลาศ อิสสอาด หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ได้รายงานว่า สืบเนื่องมาจากเรื่องเสือโคร่งทำร้ายชาวบ้านที่เข้าไปเลี้ยงควายบริเวณป่าบ้านห้วยสะมะท้อ จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ประจำอุทยานแห่งชาติเขาแหลม จัดชุดเฝ้าระวังเสือโคร่งที่อาจเข้ามาในพื้นที่เสี่ยงต่อการทำร้ายชาวบ้าน และได้ประสานทางมูลนิธิฟรีแลนด์ (Freeland Foundation) เพื่อทำการติดตั้งกล้องดักถ่ายภาพสัตว์ป่า (Camera Trap) จำนวน 20 ตัว ร่วมกับเจ้าหน้าที่ประจำอุทยานแห่งชาติเขาแหลม เพื่อติดตามเสือโคร่งที่อยู่ในพื้นที่ป่า ตั้งแต่วันที่ 4-7 ก.พ. 2565

พบตัวการ "พิการมี 3 ขา" กำลังกัดกินซากควาย 

ต่อมาได้พบซากควายบริเวณสามแยกสะมะท้อที่ได้มีการติดกล้องดักถ่ายภาพสัตว์ป่า จึงได้ทำการตรวจสอบข้อมูลภาพถ่ายจากกล้องตัวดังกล่าวในวันที่ 6 ก.พ. 2565 ปรากฏภาพเสือโคร่ง 1 ตัว มีลักษณะขาหลังด้านขวาขาด หรือพิการใช้การไม่ได้ น่าสงสาร กำลังกินซากควาย อยู่

วัวของชาวบ้านที่ถูกล่าโดยเสือโคร่งพิการ
วัวของชาวบ้านที่ถูกล่าโดยเสือโคร่งพิการ

จากเป็นห่วงคน กลายมาเป็นห่วงเสือ

"ทาง มูลนิธิฟรีแลนด์ (Freeland Foundation) และองค์กร IUCN มีความเห็นร่วมกันว่า เห็นควรดักจับเสือโคร่งตัวที่พิการนำมาไว้ดูแลในสถานที่ปลอดภัย เพราะเสือโคร่งพิการน่าสงสาร จะหากินจับสัตว์ป่าในธรรมชาติได้ยาก ประกอบกับมีหมู่บ้านปิล๊อกคี่อยู่ในอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ใกล้พื้นที่หากินเสือโคร่งตัวนี้ เกรงว่าในอนาคตเสือโคร่งพิการอาจจะไม่ปลอดภัย เหมือนกับกรณีที่มีข่าวนายพราน 5 คนจากบ้านปิล๊อกคี่ออกล่าเสือโคร่ง และยิงตายไป 2 ตัว"

ดังนั้นในเรื่องนี้จึงได้ทำหนังสือ และประสานงานไปยังกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้ดำเนินการในเรื่องช่วยเหลือเสือโคร่งตัวพิการน่าสงสารตัวนี้อย่างเร่งด่วน เนื่องจากในกรมอุทยานฯ มีผู้เชี่ยวชาญด้านช่วยเหลือเสือโคร่งโดยเฉพาะ

ขณะเดียวกัน ในส่วนของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จะคอยระวังภัยให้กับชาวบ้านปิล๊อกคี่ ให้ปลอดภัยจากเสือโคร่ง และคอยระวังภัยให้กับเสือโคร่งตัวพิการน่าสงสารนี้ที่ยังใช้ชีวิอยู่ในป่าอีกด้วย 

ย้อนเหตุการณ์ "พรานล่าเสือ" แล่เนื้อเถือหนัง

สำหรับเหตุการณ์ "คนฆ่าเสือ" 4 นายพรานใจโหด ตั้งแคมป์นำวัวมาเป็นเหยื่อล่อสัตว์ออกจากป่ามากินเป็นอาหาร แล้วใช้อาวุธปืนยิงเสือโคร่ง 2 ตัว นำมาแล่เนื้อแล้วถลกเอาหนัง เหตุเกิดที่บริเวณป่าห้วยปิล๊อก หมู่ 4 ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ และป่าสงวนแห่งชาติเขาช้างเผือก ช่วงวันที่ 8-11 มกราคม 2565 ต่อมาผู้ต้องหาได้เข้ามอบตัว อ้างว่าพวกตนมีอาชีพเลี้ยงวัว ช่วงประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมานั้น วัวถูกเสือโคร่งมากินและกัดตายไปร่วม 20 ตัว พวกตนไม่รู้จะทำอย่างไร จึงนำซากวัวที่ถูกเสือกัดตายมาเป็นเหยื่อล่อเสือออกมา แล้วใช้ปืนแก๊ปยิงเสือจนตาย ส่วนปืนลูกซอง 5 นัด ยืมมาจาก อปพร.

...

บางครั้งนักล่าก็กลายเป็นเหยื่อถูกล่า
บางครั้งนักล่าก็กลายเป็นเหยื่อถูกล่า

หนุ่มกะเหรี่ยงอ้าง มือเปล่า "สู้กับเสือโคร่ง 3 ตัว"

จากนั้นเมื่อวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา นายซาเชอ หรือนายหวาน ไม่มีนามสกุล ชาวกะเหรี่ยง อายุ 40 ปี อาชีพเลี้ยงควาย ขณะต้อนควายที่เลี้ยงไว้ในป่ากลับเข้าหมู่บ้าน นายหวานได้ถูกเสือโคร่ง ซึ่งนายหวานบอกว่ามีถึง 3 ตัว มาดักซุ่มและกระโจนเข้าใส่ฝูงควาย เกิดเหตุชุลมุนคนสู้กับเสือ ผลสุดท้ายนายหวานถูกเสือกัดและตะปบทั่วร่างกว่า 20 แผล แต่รอดตายมาได้.