ปกครองฉะเชิงเทรา เปิดปฏิบัติการ "ราชสีห์พิทักษ์เมือง" ปลอมตัวเป็นคนตกปลา ก่อนบุกรวบขบวนการขนแรงงานต่างด้าวข้ามชาติ 30 คน พร้อมโชเฟอร์คนไทย กระบะที่บรรทุกแรงงาน นำตรวจ ATK พบติดโควิด 1 ราย และเสี่ยงสูงอีกกว่า 17 ราย
เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 65 นายเชี่ยวชาญ เทพประดิษฐ์ ปลัดอำเภอ หัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง รักษาราชการแทนนายอำเภอเมืองฉะเชิงเทรา ได้สืบทราบจากชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 4 ตำบลคลองนา อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา มีการขนย้ายแรงงานต่างด้าวในพื้นที่ จึงได้มอบหมายสั่งการให้นายเอก อิทธิยาภรณ์, นายธนดล จิราภรณ์, นางสาวภัคภาภรณ์ วรขันธ์, นางสาวกนกวรรณ บุญประกอบ ปลัดอำเภอเมืองฉะเชิงเทรา ร่วมกับ นายพัลลภ ชูสว่าง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลคลองนา, นายมณฑล ฤทธิบัณฑิต ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ตำบลคลองนา และนายสุเทพ ปุยเปรม ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ตำบลคลองนา เปิดปฏิบัติการ "ราชสีห์พิทักษ์เมือง" โดยได้ทำการวางแผนเพื่อเข้าตรวจสอบและจับกุม

โดยให้นายศุภกิจ ฤทธิบัณฑิต ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ตำบลคลองนา ปลอมตัวเป็นคนตกปลาในพื้นที่เป้าหมายที่ได้สืบทราบว่าเป็นจุดปล่อยคนลง ของกลุ่มขบวนการขนแรงงานต่างด้าวข้ามชาติ ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าและมีสิ่งปลูกสร้างที่ถูกทิ้งร้างริมทางรถไฟ ในพื้นที่หมู่ 4 ตำบลคลองนา จนกระทั่งเวลาประมาณ 06.00 น. ได้มีรถกระบะจำนวน 2 คัน วิ่งเข้ามาในพื้นที่ เพื่อปล่อยแรงงานต่างด้าวที่บรรทุกมาเต็มคัน พร้อมสัมภาระลงตรงจุดเป้าหมาย ทางเจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าทำการจับกุม โดย 1 ในรถกระบะโตโยต้า สีบรอนซ์เทา ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ที่ยังมีสัมภาระเต็มคัน ได้วิ่งฝ่าวงล้อมของเจ้าหน้าที่หลบหนีออกไปได้ ส่วนรถกระบะโตโยต้า รีโว่ สีขาว ทะเบียน 2 ฒล 6188 กรุงเทพมหานคร ที่มีนายทนงศักดิ์ หลี อายุ 38 ปี พักอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 30 หมู่ 8 ตำบลทัพเสด็จ อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว เป็นคนขับ ทางเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวเอาไว้ได้ พร้อมแรงงานต่างด้าวจำนวนทั้งสิ้น 33 คน เป็นชาย 17 คน หญิง 16 คน สัญชาติกัมพูชา
...
แรงงานส่วนใหญ่เคยเป็นแรงงานในประเทศไทยมาแล้ว แต่ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ธุรกิจหลายแห่งต้องหยุด จึงทำให้แรงงานต่างด้าวเดินทางกลับประเทศของตนเอง แต่พอเวลาผ่านมาได้ประมาณปีกว่า แรงงานต่างด้าวหลายคนยอมรับว่าที่ประเทศไม่มีงาน ไม่มีกิน จึงต้องเดินทางมาทำงานที่ประเทศไทย แต่ด้วยสถานการณ์โควิด ทำให้ยังสามารถเปิดด่านพรมแดนได้ จึงต้องอาศัยจ้างคนในประเทศที่ร่วมกับคนไทย ทำการลักลอบเข้าประเทศผ่านทางเส้นทางธรรมชาติ ก่อนที่จะมีรถกระบะมารับ และเดินทางมายังจุดปล่อยตัว เพื่อรอรถมารับไปยังจุดหมายปลายทางอีกต่อหนึ่ง โดยเสียค่าเดินทางมาคนละ 6,500 บาท ถึง คนละ 8,000 บาท ขึ้นอยู่กับระยะทางที่ต้องไปส่ง

ด้านนายทนงศักดิ์ โชเฟอร์รถกระบะ เผยว่า ตนขับรถมาส่งแรงงานต่างด้าวครั้งนี้เป็นครั้งแรก เพราะอยู่ที่บ้านไม่มีงานทำ โดยได้รู้จักกับเถ้าแก่เจ้าของรถกระบะคันนี้ ซึ่งพักอาศัยในละแวกบ้านเดียวกัน เห็นว่าตนเองขับรถได้ จึงได้ชักชวนให้มาขับรถมาส่งแรงงานต่างด้าว โดยเถ้าแก่จะเป็นคนกำหนดจุดว่าต้องไปส่งตรงไหน ส่วนรถกระบะที่หลบหนีไปได้ ก็เป็นรถของเถ้าแก่เดียวกัน ซึ่งภายหลังที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาและแรงงานต่างด้าวได้แล้วนั้น จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขมาทำการตรวจหาเชื้อโควิด ซึ่งผลการตรวจพบว่า นายทนงศักดิ์ โชเฟอร์ที่จับกุมตัวได้นั้น ติดเชื้อโควิด-19 ส่วนแรงงานต่างด้าวที่มาในรถคันเดียวกัน มีความเสี่ยงสูงอีก 17 คน ส่วนผลตรวจ ATK ยังไม่พบเชื้อ ทางเจ้าหน้าที่จึงต้องทำการแยกผู้ติดเชื้อ ผู้ที่มีความเสี่ยงสูง และผู้ที่ไม่ได้สัมผัสใกล้ชิด ออกจากกัน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
นายทนงศักดิ์ เผยว่า ตนเองก็รู้ข่าวเมื่อเช้าว่าเพื่อนร่วมวงเหล้าที่ตนเองสนิท ติดโควิด-19 จึงคิดว่าเมื่อกลับไปถึงบ้านจะทำการตรวจหาเชื้อ แต่พอมาโดนจับและมีการตรวจหาเชื้อโควิด ก็พบว่าตนเองก็ติดเชื้อด้วยเช่นกัน และภายหลังเสร็จสิ้นการตรวจหาเชื้อโควิด ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองฉะเชิงเทรา และเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเพื่อมารับตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย และผลักดันออกนอกประเทศต่อไป.
