ตำรวจแจ้ง 4 ข้อหาหนัก หลังสาวเมากร่างซิ่งเบนซ์ป้ายแดงย้อนศรเมาแอ๋พูดโวยวายใช้รองเท้าไล่ตีตำรวจพร้อมขู่ “รู้ไหมกูลูกใคร” สายตรวจคุมตัวไปโรงพักตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ค่าพุ่งสูงปรี๊ด ส่วนรองโฆษก ตร.เตือนสาวกร่างอายุ 35 ปีแล้วไม่ใช่เด็ก เมาขาดสติถือเป็นอุทาหรณ์ ขณะที่สาวเบนซ์มอบกระเช้าขอโทษตำรวจ ยอมรับผิดทุกข้อกล่าวหายื่นประกันตัวออกไปสู้คดี
จากเพจเจ๊ม้อย V Plus แชร์คลิปผู้หญิงเมาขับรถเบนซ์ป้ายแดงและทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีข้อความระบุว่า “สภาพเช่นนี้ก็ไม่ไหว ไล่ทำร้ายตำรวจ รู้มั้ยว่าลูกใคร เหนื่อยก็กลับไปพัก อย่าสร้างความรำคาญให้คนอื่น สงสารตำรวจ สภ.คูคต คุณรู้ไหมครับว่าน้องเขาลูกใคร” จากเหตุดังกล่าวทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมไม่เหมาะสม และไม่รับผิดชอบต่อสังคม
ต่อมา สายวันที่ 8 ม.ค. ด.ต.กิตติธัช พันสำโรง ผบ.หมู่ จร.สภ.คูคต จ.ปทุมธานี ตำรวจที่เข้าไประงับเหตุเปิดเผยว่า เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 31 ธ.ค.2564 รับแจ้งจากศูนย์วิทยุว่ารถเบนซ์ขับย้อนศรข้างสนามกีฬาธูปะเตมีย์ ไปตรวจสอบพบรถเบนซ์ ซี 43 สีขาว ทะเบียนป้ายแดง ร 5641 กรุงเทพมหานคร พบหญิงเป็นคนขับมีอาการเมาสุรา ภายหลังทราบชื่อ น.ส.อรวรรณ จุฑาจำเริญ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 94/5 หมู่ 12 ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ขับรถย้อนศรมุ่งหน้าไปทางวัดลาดสนุ่น ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี โดยมีรถกระบะคู่กรณีขวางหน้าอยู่ จังหวะนั้นเห็น น.ส.อรวรรณใช้รองเท้าไล่ตีคนขับรถกระบะเป็นเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ตนรีบเข้าไปห้ามปรามและมีตำรวจ บก.จร. มาช่วยอีก 1 นาย
ด.ต.กิตติธัชเปิดเผยอีกว่า ขณะนั้นตำรวจบก.จร.ถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน ทำให้ น.ส.อรวรรณไม่พอใจเข้าไปปัดโทรศัพท์มือถือจนร่วงกระเด็น แล้วยังตะโกนโวยวายใช้รองเท้าไล่ตีตำรวจ แล้วถามว่า “รู้ไหมกูลูกใคร” ตำรวจพยายามจับแขนให้หยุด แต่กลับเหวี่ยงตัวดิ้นหลุดแล้วเข้ามาทำร้ายตำรวจอีก จากนั้นเรียกสายตรวจเข้ามาช่วยระงับเหตุคุมตัวไปสงบสติอารมณ์ที่ สภ.คูคต ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์สูง 176 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์เกินกว่ากฎหมายกำหนด
...
ต่อมาเพจสถานีตำรวจภูธรคูคตชี้แจงว่า สภ.คูคต ขอเรียนให้ทราบว่าตามที่ปรากฏคลิปวิดีโอในสื่อสังคมออนไลน์ที่มีหญิงขับรถเบนซ์ สีขาว มีลักษณะอาการมึนเมาสุราและใช้รองเท้าตบตีทำร้ายร่างกายตำรวจนั้น สภ.คูคต แจ้งให้ทราบดังนี้ เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. เวลาประมาณ 21.40 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คูคต รับแจ้งเหตุรถยนต์ขับย้อนศร ถนนลำลูกกา ข้างสนามกีฬาธูปะเตมีย์ คนขับมีอาการคล้ายคนเมาสุรา เจ้าหน้าที่ตำรวจ จร. ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรถเบนซ์จอดอยู่ในทิศทางสวนการจราจรหันหน้าเข้าหารถกระบะ ทะเบียน 1ฒข 7488 กรุงเทพมหานคร คนขับรถเบนซ์ลงจากรถต่อว่าผู้ขับขี่รถกระบะและทุบรถกระบะคันดังกล่าว
จากนั้นเจ้าหน้าที่จราจรเห็นว่ามีอาการเมาสุราแจ้งแก่หญิงคนดังกล่าวว่าขับรถย้อนศรและมีอาการเมาสุราต้องไปตรวจวัดค่าแอลกอฮอล์ ผู้ต้องหาพยายามขับรถหลบหนีแต่สตาร์ตรถไม่ได้ จากนั้นเจ้าหน้าที่สายตรวจ สภ.คูคต และเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรกลาง ขี่รถ จยย.มาช่วยระงับเหตุและถูกผู้ต้องหา ทำร้ายร่างกายตำรวจใช้รองเท้าตีเข้าบริเวณหน้าได้รับ บาดเจ็บเล็กน้อย ภายหลังควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน และตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์เกินเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ควบคุมตัวดำเนินคดีในข้อหา 1.ขับขี่รถในขณะเมาสุรา 2.ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย 3.ทำร้ายเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ และ 4.ทำให้เสียทรัพย์ ตามคดีอาญาที่ 1/2565 ลงวันที่ 1 ม.ค.2565
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก บช.น. กล่าวถึงกรณีหญิงสาวเมาแล้วขับไม่ยอมตรวจวัดแอลกอฮอล์และถอดรองเท้าตบตำรวจว่า ตำรวจดำเนินคดี 4 ข้อหา ผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวอยู่ระหว่างผัดฟ้อง ส่วนผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นลูกผู้ใหญ่ในบ้านเมืองยังไม่เป็นประเด็น ตำรวจไม่ได้ให้ความสำคัญจะเป็นใครก็แล้วแต่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน เมาสุราอาละวาดขาดสติถือว่าเป็นอุทาหรณ์ผู้ขับขี่เป็นสุภาพสตรีอายุ 35 ปีแล้วไม่ใช่เด็กอาจจะดื่มสุราจนเกินไปไม่สามารถควบคุมสติ ยังโชคดีที่เมาสุราแล้วถูกตำรวจจับไม่ได้เกิดอุบัติเหตุจนเสียชีวิตจนพิกลพิการ หรือทำให้คนอื่นได้รับความเดือดร้อน เรื่องดังกล่าวตำรวจไม่ถือสาอยู่แล้ว
ต่อมาเวลา 17.00 น. น.ส.อรวรรณ จุฑาจำเริญ เดินทางมาที่ สภ.คูคต ใส่แว่นดำปิดบังใบหน้าและข้อมือซ้ายพันผ้าก๊อซ นำกระเช้าน้ำผลไม้มอบให้กับ ด.ต.กิตติธัช พันสำโรง ผบ.หมู่ จร.สภ.คูคต จ.ปทุมธานี พร้อมไหว้ขอโทษ มี พ.ต.ท.จิรพัฒน์ ศรีเดช รอง ผกก.ป.สภ.คูคต เป็นสักขีพยานในครั้งนี้ จากนั้น น.ส.อรวรรณเปิดเผยว่า ตนยอมรับผิดทุกข้อกล่าวหา และกราบขอโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกตนทำร้าย พร้อมทั้งขอโทษสังคมด้วยเช่นกันและตนจะไม่ทำแบบนี้แล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่อ้างเป็นลูกสาวคนดังคือใคร น.ส.อรวรรณไม่ตอบรีบเดินทางกลับทันที
ส่วนคดีความมีรายงานว่า ผู้ต้องหาปฏิเสธในชั้นสอบสวน และขอให้การในชั้นศาล พนักงานสอบสวนให้ประกันตัวไปเป็นวงเงิน 45,000 บาท และสัปดาห์หน้าจะเรียกตัวผู้ต้องหาส่งสำนวนสั่งฟ้องให้อัยการ