รอง ผวจ.กาญจนบุรี ลงพื้นที่เก็บข้อมูลการถมดินแล้วสร้างกำแพงสูงมิดหลังคา เผยเห็นสภาพบ้านแล้ว ใครอยู่ก็อึดอัด ยันพรุ่งนี้ได้ข้อยุติ อาจต้องมีเดินหน้าถอยหลังหนึ่งก้าว เพื่อให้อยู่ร่วมกันได้

ความคืบหน้ากรณีสร้างกำแพงถมดินสูงมิดหลังคาบ้าน รวม 8 หลัง เหตุเกิดบริเวณซอยด้านข้างร้านอาหารครัวภักดี ท้องหมู่ 1 ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี

ล่าสุดเมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 4 พ.ย. 64 ที่ห้องประชุมเทศบาลตำบลลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้มอบหมายให้ ร้อยตรี พงศธร ศิริสาคร รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เป็นประธานการประชุม เพื่อสรุปประเด็นข้อกฎหมายและระเบียบราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำเข้าที่ประชุมระดับจังหวัดภายในวันพรุ่งนี้ (5 พ.ย. 64 ) ที่ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี โดยมี นายธนณัฏฐ์ ศรีสันต์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี นายวรากร เสือส่าน นายกเทศมนตรีตำบลลาดหญ้า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเข้าร่วมประชุม โดยการประชุมใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ

ในที่ประชุม นายวรากร เสือส่าน นายกเทศมนตรีตำบลลาดหญ้า ได้แจ้งในที่ประชุมให้ทราบว่า เจ้าของที่ดินแปลงที่ถมและสร้างกำแพงมิดหลังคาชาวบ้าน อนุญาตให้เจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบพื้นที่บริเวณจุดเกิดเหตุได้ แต่ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปภายในด้วย

...

หลังจากนั้นคณะของ ร้อยตรี พงศธร ศิริสาคร รองผู้ว่ากาญจนบุรีได้เดินทางลงพื้นที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงมีเจ้าหน้าที่มารอเปิดประตูที่เป็นเหล็กหนาทึบ รับคณะของรองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี และหน่วยงานทั้งหมด โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงในการตรวจสอบและพูดคุยกับลูกชายลูกสาวของเจ้าของที่ดิน

ต่อมาเมื่อเวลา 15.00 น. รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี และคณะ ได้เดินทางไปสำรวจบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนตั้งแต่ปากซอยจนถึงท้ายซอย พบว่าบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ติดกับกำแพงประกาศขายจำนวนหลายหลัง และเมื่อไปถึงท้ายซอยได้มีประชาชนทั้ง 8 ครอบครัวที่ได้รับความเดือดร้อนมาคอยให้การต้อนรับ และพูดถึงปัญหาต่างๆ ให้ร้อยตรี พงศธร ศิริสาคร รอง ผวจ.กาญจนบุรี ทราบถึงความต้องการของผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนดังกล่าว

หลังการดูสภาพพื้นที่ ร้อยตรี พงศธร ศิริสาคร รอง ผวจ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ในวันนี้เพื่อมาเก็บข้อมูล และได้มีการพูดคุยกับทางเทศบาลตำบลลาดหญ้า รวมทั้งเจ้าของที่ดินที่ก่อสร้างกำแพง และได้พูดคุยกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบทั้ง 8 หลัง จากการลงพื้นที่นั้นเราเห็นภาพอยู่แล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือการถมดิน ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติถมดิน โดยมีองค์กรส่วนท้องถิ่นเป็นหน่วยงานดูแล และบางส่วนพบเข้าข่ายพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร เราก็จะดูแลตรงนี้ด้วย

รอง ผวจ.กาญจนบุรี กล่าวต่อว่า ได้แจ้งในที่ประชุมให้ทราบว่า ขณะนี้เราคุยกันอยู่ใน 2 ส่วน คือ การดำเนินการทางข้อกฎหมาย ในขณะเดียวกันเราต้องดำเนินการตามข้อเท็จจริง ว่าพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนเขาจะอยู่กันได้อย่างไร เพราะถ้าเป็นพวกเราเองมาอยู่ในบ้านสภาพเช่นนี้ ก็คงจะอึดอัดอย่างแน่นอน ซึ่งเรื่องนี้จะดำเนินการทั้งทางนิติศาสตร์ให้ถูกต้อง อะไรที่ผิดอะไรที่ไม่ถูกต้องตามกระบวนการ จะต้องดำเนินการให้ถูกต้อง

...

ร้อยตรี พงศธร ศิริสาคร กล่าวอีกว่า เมื่อดูในประเด็นที่ 1 ก็จะเห็นภาพรายละเอียดของกฎหมาย โดยเฉพาะเรื่องการถมดินและเรื่องการควบคุมอาคารนั้นมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ สำหรับรั้วที่เรามองเห็นจะมีอยู่สองส่วน คือ ส่วนด้านล่างเรียกว่ากำแพงกันดิน ส่วนด้านบนที่ก่อขึ้นไปนั้นเป็นรั้ว ซึ่งตรงนี้จะต้องไปตรวจสอบว่ามีการขออนุญาตทำกำแพงหรือไม่ และอีกประเด็นที่เห็นก็คือ การทำโครงสร้างในลักษณะนี้จะต้องมีระบบการระบายน้ำที่ชัดเจน แต่จากการตรวจสอบในเบื้องต้นยังไม่พบสิ่งนี้

รอง ผวจ.กาญจนบุรี กล่าวด้วยว่า ส่วนประเด็นที่ 2 ก็คือ ผู้เดือดร้อนที่อยู่ตรงนี้ก็คงจะรู้สึกอึดอัด เรื่องนี้เราจะต้องหาทางออกให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนกับเจ้าของที่ให้สามารถอยู่ร่วมกันให้ได้ โดยบางฝ่ายอาจจำเป็นจะต้องถอยหลังหนึ่งก้าว อีกฝ่ายจะต้องเดินหน้าหนึ่งก้าว โดยในวันพรุ่งนี้ปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดจะต้องได้ข้อยุติ และจะต้องมีข้อสั่งการที่ชัดเจนว่าจะต้องทำอย่างไร โดยใครและภายในระยะเวลาเท่าไร

...

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาพของชาวบ้านที่ร้องเรียนทั้ง 8 หลังต่างๆ มีความกังวลต่อการแก้ไขปัญหา โดยบางรายเริ่มมีอาการเครียดกังวลต่อผนังกำแพงสูงที่ประชิดติดรั้วบ้านทั้ง 8 หลัง โดยเฉพาะบ้านเลขที่ 190/101 เจ้าของบ้านได้พาผู้สื่อข่าวดูสภาพความอึดอัด โดยทำการวัดระยะห่างกำแพงระหว่างบ้านกับกำแพงสูง ห่างแค่ 30 ซม. ส่วนความสูงของกำแพงสูง 6.30 เมตร ส่วนเจ้าของบ้านเลขที่ 190/73 ได้พารองผู้ว่าฯ เข้าดูภายในบ้าน พบมีรอยร้าวตามผนัง พื้น หวาดผวาไม่กล้านอน จนต้องย้ายไปนอนบ้านพักสามีในค่ายทหาร.