พระลูกวัดของวัดพนัญเชิงฯ พระนครศรีอยุธยา เร่งยกแผงเหล็กทำเขื่อนชั่วคราว หลังแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันน้ำทะลักเข้าวัด โดยเป็นระบบแบบเดียวกับโบราณสถานวัดไชยวัฒนาราม
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 30 ก.ย. 64 ที่ วัดพนัญเชิงวรวิหาร ต.กะมัง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ด้านริมแม่น้ำเจ้าพระยา พบว่ากำลังทหาร จาก กองพันทหารม้าที่ 11 กรมทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ ร่วม กอ.รมน.จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน 50 นาย พร้อมด้วยพระเณรกว่า 50 รูป และเจ้าหน้าที่ของวัด ได้ช่วยกันยกแผงเหล็ก หรือแผ่นบังเกอร์ ป้องกันนั้นท่วมแบบสำเร็จรูป โดยแผ่นบังเกอร์มีความสูง 2.50 เมตร กว้าง 1.20 เมตร ระยะทาง 700 เมตร ซ่อนอยู่ในแนวฐานเขื่อนถาวรทำจากอิฐและปูนสูงยาวตลอดแนวลำน้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำป่าสักบริเวณหน้าวัดท้ายวัด และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัด
พระเมธีวราภรณ์ รองเจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รองเจ้าอาวาสวัดพนัญเชิงวรวิหาร เผยว่า วันนี้ทางวัดได้ขอกำลังจากทหารและนำพระภิกษุสามเณรทั้งวัดมาช่วยกันยกแผงเหล็กบังเกอร์ตลอดแนวทาง 700 เมตร จากนั้นจะนำผ้าใบมาคลุมและนำกระสอบทรายมาวางทับบริเวณรอยต่อ เพื่อป้องกันน้ำเข้าบริเวณวัดพนัญเชิงแห่งนี้
...
ส่วนระดับน้ำตอนนี้ ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเหลืออีกประมาณ 50 cm. ก็จะถึงพื้นระดับน้ำของวัด จึงต้องรีบเร่งนำขึ้นให้ทัน ส่วนการก่อสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วมและตลิ่งพังนั้น จากการที่รัฐบาลอนุมัติงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท ก่อสร้างบริเวณวัดพนัญเชิงวรวิหาร อำเภอพระนครศรีอยุธยา ซึ่งการก่อสร้างจะใช้ระบบเดียวกับโบราณสถานวัดไชยวัฒนาราม คือเป็นแนวบังเกอร์แบบพับเก็บได้ตลอดแนวหน้าวัด และไปสิ้นสุดพื้นที่ข้างวัด ระยะทาง 700 เมตร ส่วนด้านหน้าเขื่อนมีความสูงจากพื้นอีก 60 เซนติเมตร รวมถึงบังเกอร์สูง 2.50 เซนติเมตร และก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ.2555 โดยตั้งแต่ก่อสร้างเสร็จมาก็ยังไม่ได้เคยใช้บังเกอร์เลย จนต้องมาใช้ในปีนี้
ด้านสถานการณ์น้ำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลังเขื่อนเจ้าพระยา มีการระบายน้ำเพิ่มขึ้น อยู่ที่ 2,775 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยพบว่าระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามีปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้พี่น้องประชาชนบ้านเรือนริม 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาถูกน้ำท่วมสูง รวมถึงน้ำจากแม่น้ำป่าสักมีการระบายจากเขื่อนพระรามหก ทำให้น้ำท่วมกระจายวงกว้างเพิ่มขึ้นหลายอำเภอในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ อ.พระนครศรีอยุธยา อ.เสนา อ.บางบาล อ.ผักไห่ อ.บางปะอิน อ.บางไทร อ.ท่าเรือ พร้อมเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมที่อาจจะขึ้นสูงเร็ว เนื่องจากเขื่อนมีการระบายปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง.