เปิดใจ "น้องนิว" สัปเหร่อสาว 18 หนึ่งเดียวของวัดท่าหลวงเมืองพิจิตร ด่านหน้าคนสุดท้ายก่อนเผาศพโควิด กับประสบการณ์ 8 ปี ทำมาแล้วกว่า 500 ศพ เริ่มจากทำช่วยแม่ จนใจรักทำงานนี้แล้วมีความสุข

หากใครผ่านบริเวณเมรุวัดท่าหลวง พระอารามหลวง อ.เมืองพิจิตร ในบางวันจะพบบรรดาญาติของผู้ป่วยที่เสียชีวิต จากโรคโควิด-19 ได้นำร่างผู้เสียชีวิต จาก รพ.พิจิตร มาทำการฌาปนกิจศพ ดั่งเช่นช่วงเย็นวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา มีเพียงญาติของผู้ป่วยไม่กี่คนมาทำพิธีส่งร่างผู้ชีวิตเป็นครั้งสุดท้าย ตามมาตรการป้องกันโควิด-19

สิ่งที่แปลกใจของทุกคนที่พบเห็น คือ การปฏิบัติหน้าที่สัปเหร่อของวัดท่าหลวงแห่งนี้ ที่พบเห็นคือ การปฏิบัติหน้าที่ของสาววัยรุ่น ชื่อ "น้องนิว" ทำหน้าที่ของสัปเหร่ออย่างแคล่วคล่อง และกล้าหาญ ตั้งแต่การอำนวยความสะดวกให้กับญาติผู้เสียชีวิต การทำพิธีทางศาสนา ไปจนถึงการเผาศพที่ติดโควิดที่มาทำการฌาปนกิจ จนถึงเก็บเถ้ากระดูก 

สัปเหร่อหญิง สาว 18 หนึ่งเดียวของวัดท่าหลวง

“น้องนิว” หรือ น.ส.เพ็ญนภา อ่ำทับ อายุ 18 ปี ชาว จ.พิจิตร สัปเหร่อหญิงเพียงคนเดียวของวัดท่าหลวง พระอารามหลวง อ.เมืองพิจิตร เป็นสัปเหร่อเดี่ยวมาแล้ว 8 ปี ทั้งวัดไม่มีสัปเหร่อชาย รายได้จากวัดเพียงเดือนละ 2 พันยกให้แม่หมด เป็นงานที่ทำแล้วมีความสุข จบเพียง ป.6 อยากเรียนต่อ กศน. แต่ไม่มีทุน รักอาชีพสัปเหร่อแม้ไม่มีเกียรติและจะทำต่อไป

...

จากใจสาวน้อยคนนี้ หนูมาทำงานด้วยใจรัก

“น้องนิว” หรือ น.ส.เพ็ญนภา เปิดเผยถึงเส้นทางที่มาทำหน้าที่สัปเหร่อว่า เริ่มมาจากมีแม่ ชื่อ นางลำดวน อ่ำทับ ทำอยู่ก่อน ร่วมกับมีสัปเหร่อผู้ชาย แต่ภายหลังสัปเหร่อที่เป็นผู้ชายก็ลาออกไป เหลือเพียงนางลำดวน เพียงคนเดียวและมีอายุมาก ตนขณะนั้นมีอายุ 10 ขวบ ได้เริ่มเข้ามาช่วยแม่ทำงานเป็นสัปเหร่อ เพราะไม่มีสัปเหร่อชายมาทำงาน จนถึงขณะนี้เป็นเวลา 8 ปีแล้ว ด้วยเป็นความชอบส่วนตัวอยู่แล้ว ก็เลยไปกันได้กับอาชีพนี้ และถือว่าได้ช่วยคนที่กำลังตกอยู่ในความทุกข์ เราได้ช่วยเขาแล้วถือว่ามีความสุข

เรื่องเรียนต้องพัก เพราะรักจะเป็นสัปเหร่อ 

ด้วยฐานะทางบ้านที่ลำบากทำให้ต้องออกจากโรงเรียนมาช่วยแม่ทำงานตั้งแต่ยังอายุ 10 ขวบ ทำให้ หนูเรียนจบแค่ชั้น ป.6 และอยากจะเรียนต่อ กศน.ให้จบ ม.6 เพราะอายุเกินที่จะไปเรียนแบบปกติแล้ว 

ยุคโควิดระบาดเป็นส่วนหนึ่งของคนด่านหน้า จึงได้ฉีดวัคซีนแล้ว

ส่วนในยุคโควิดนี้ ทางวัดท่าหลวง ได้เผาศพผู้ติดโควิดเสียชีวิตแล้วรวมทั้งศพนี้ จำนวน 15 ศพ ส่วนศพธรรมดานับแล้วไม่ต่ำกว่า 500 ศพ ทั้งนี้ ได้ป้องกันตัวเองอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะใส่ชุดพีพีอี ถุงมือยาว ใส่แมสก์ และเฟซชิลด์ และได้รับการฉีดวัคซีนซิโนฟาร์มเข็มแรกไปแล้ว และจะฉีดเข็มที่ 2 วันที่ 20 ส.ค.64 ที่ผ่านมานี้เอง เนื่องจากหน้าที่เรามีความเสี่ยง และในวัดก็มีพระหลายรูปก็ชราภาพ 

หน้าที่สัปเหร่อของน้องนิว ทำแล้วได้เงินไหม

นายธนเดช ศรีจอมขวัญ ไวยาวัจกร วัดท่าหลวงพระอารามหลวง เล่าถึงที่มาที่ไปว่า "น้องนิว" มาทำงานสัปเหร่อแทนแม่ที่ชราภาพ ทำงานมา 8 ปีแล้ว และก็ไม่กลัวและรักที่จะทำงานตรงนี้ต่อไป ทางวัดก็ให้ "น้องนิว" ทำงานต่อไป โดยทางวัดมีค่าตอบให้เดือนละ 2,000 บาท แต่มองดูแล้วมันก็น้อย เพราะวัดช่วงโควิด-19 ระบาด ทางวัดเองก็ไม่มีรายได้เหมือนก่อน ถือว่าเป็นจิตอาสาเข้ามาช่วยกัน และน้องก็มีรายได้บางส่วนจากญาติผู้เสียชีวิตที่นำศพมาฌาปนกิจ จำนวนเท่าใดก็แล้วแต่น้ำใจเพราะน้องนิวนั้นเต็มที่และเต็มใจที่จะทำให้อยู่แล้ว ที่เป็นจิตอาสาที่น่ารัก และ ใจถึงที่จะมาทำอาชีพนี้

...

อนาคตของหนูหลังจากนี้จะเป็นสัปเหร่อต่อ

จะทำงานอาชีพสัปเหร่อที่วัดท่าหลวงอีกต่อไปเพราะมีใจรัก แม้รายได้ที่ได้มีเพียงน้อยนิดจากทางวัดมอบให้เป็นค่าใช้จ่ายเดือนละ 2 พันบาท สำหรับหนูว่ามากนะ เพราะหนูไม่ได้ใช้อะไร และบางครั้งก็ได้จากการที่ญาติของผู้เสียชีวิตมอบเป็นน้ำใจให้ เงินที่ได้ตนมอบให้แม่เก็บไว้หมด

นี่คือเรื่องราวเล็กๆ อีกมุมหนึ่งที่เกิดขึ้นมาในช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 ที่คร่าชีวิตผู้คนอันเป็นที่รักจากหลายครอบครัว แม้งานของบุคลากรการแพทย์ที่ถือเป็นด่านหน้า ในการรับมือโควิดจะเป็นที่รับรู้กันดีในสังคมส่วนมาก แต่ อีกส่วนหนึ่งของการรับมือปัญหาโควิด คือ การจัดการศพผู้ป่วย ที่ต้องเป็นหน้าที่ของสัปเหร่อและวัด ในการช่วยจัดการให้ศพทั้งหมดถูกฌาปนกิจอย่างเรียบร้อยและปลอดภัย และไม่บ่อยครั้งที่เราจะเห็นเด็กสาววัยรุ่น มาทำอาชีพสัปเหร่อที่ถือว่าเป็นงานช่วยเหลือสังคมอย่างแท้จริงแบบนี้ แม้จะได้ค่าตอบแทนน้อยนิด แต่การที่น้องนิวบอกว่า ทำแล้วรู้สึกมีความสุขเหมือนได้ช่วยเหลือคน ก็ทำให้รู้ว่าเธอรักและภูมิใจกับหน้าที่นี้มากแค่ไหน...

...

เรื่องและภาพโดย ทีมข่าวภูมิภาคไทยรัฐ 

เรียบเรียงโดย โมบิอุส