หลังฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาเข็มแรก ได้เพียง 2 วัน พระลูกวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดสระบุรี ถึงมรณภาพ มีอาการน้ำลายฟูมปาก ชัก เกร็ง ท้องเสีย ลูกศิษย์ยังคาใจ รอผลตรวจยืนยัน

เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2564 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีพระลูกวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดสระบุรี มรณภาพปริศนา หลังเข้ารับการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา เข็มแรก ที่โรงพยาบาลแก่งคอย เมื่อเวลา 13.00 น. ของวันที่ 8 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากเดินทางกลับวัดด้วยรถจักรยานยนต์แบบพ่วงข้าง กลับมีอาการน้ำลายฟูมปาก ท้องเสีย เกร็งคารถจักรยานยนต์ ลูกศิษย์ต้องนำส่งโรงพยาบาลแก่งคอยอีกครั้งเพื่อทำการรักษา จากนั้นส่งต่อโรงพยาบาลสระบุรี อย่างเร่งด่วน

ซึ่งหลังจากแพทย์ทำการรักษาในโรงพยาบาลสระบุรี ตึกสงฆ์ ได้ 2 วัน ก็มรณภาพคาเตียงคนไข้ โดยลูกศิษย์ บอกว่า อย่าไปฉีด แต่พระหลวงตารูปดังกล่าวกลับไม่เชื่อ บอกว่า กลัวติดโควิด เพราะตอนเช้าไปบิณฑบาตในตลาดแก่งคอย จึงต้องไปฉีด เพื่อป้องกันโรคโควิด-19

ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังวัดเกตุแก้ว อยู่หมู่ที่ 9 ต.ตาลเดี่ยว อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เพื่อไปหาข้อมูลและสอบถามถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เมื่อเดินทางไปถึง จึงได้ขอติดต่อขอพบเจ้าอาวาสวัดเกตุแก้ว ที่ศาลาปฏิบัติธรรมของทางวัด แต่ทางเจ้าอาวาสก็ไม่ได้ให้ข้อมูล พยายามตอบบ่ายเบี่ยง จนผู้สื่อข่าวเห็นรูปตั้งอยู่จำนวน 2 รูป มีรูปพระ และโกศใส่อัฐิ และมีสายสิญจน์รอบกรอบรูป จึงทำการสอบถามว่า เป็นรูปพระที่มรณภาพ เนื่องจากฉีดวัคซีนโควิดใช่หรือไหม ในที่สุดเจ้าอาวาสก็ยอมรับว่า ใช่ เป็นพระชื่อ พระอรุณเดช (หลวงตาตี๋) อธิวโร อายุ 69 ปี มรณภาพได้ 2 วันแล้ว ตอนนี้ศพอยู่ที่โรงพยาบาลสระบุรี กำลังจะนำไปผ่าพิสูจน์อย่างละเอียดถึงสาเหตุการเสียชีวิต ที่โรงพยาบาลศิริราช ที่กรุงเทพมหานครในวันนี้ช่วงเย็นของวันนี้

...

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ทำการซักถามเจ้าอาวาสอีกครั้ง ก็ไม่ตอบ ให้ไปถามลูกศิษย์วัด ที่พักอยู่ในวัด จากนั้นผู้สื่อได้ทำการเรียกลูกศิษย์วัดคนดังกล่าว จึงได้เดินออกมา ทราบชื่อ นายอรรถพร อยู่เอม อายุ 44 ปี ลูกศิษย์วัดเกตุแก้ว ซึ่งอาศัยอยู่ในวัดนานแล้ว และเป็นคนดูแลพระอรุณเดช (หลวงตาตี๋) อธิวโร

ด้าน นายอรรถพร อยู่เอม อายุ 44 ปี ลูกศิษย์วัดเกตุแก้ว กล่าวว่า ตนเองได้ห้าม พระอรุณเดช หรือหลวงตาตี๋ อธิวโร แล้วว่าอย่าไปฉีดวัคซีนโควิดเลย เพราะมันอันตราย บวกกับอายุเยอะมากแล้ว และหลวงตาอรุณเดช ก็ไม่ค่อยสบายอยู่แล้ว แต่หลวงตาอรุณเดชก็ไม่เชื่อ และได้เดินทางไปฉีดวัคซีน เข็มแรก ที่โรงพยาบาลแก่งคอย เวลา 13.00 น. ของวันที่ 8 มิถุนายน 2564 ตนเองไม่ได้ไปด้วย มีพระลูกวัดไปด้วย 2 รูป ซึ่งหลวงตาอรุณเดชกลัวติดโควิดเนื่องจากไปรับบิณฑบาตในตลาดแก่งคอยทุกเช้า จึงตัดสินใจไปฉีดวัคซีน

ตนติดใจที่หลวงตาอรุณเดช กลับมาจากฉีดวัคซีน ถึงวัด ขณะจอดรถจักรยานยนต์แบบพ่วงข้าง หลวงตามีอาการน้ำลายฟูมปาก ชักเกร็ง ท้องเสีย ตนเห็นจึงรีบเข้ามาช่วย รีบเอารถยนต์ที่วัดขับส่งหลวงตาไปยังโรงพยาบาลแก่งคอย และถูกส่งต่อไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลสระบุรี อาการไม่ดีขึ้น และเสียชีวิตในวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา

ขณะเข้าพักรักษา ตนก็ไม่ได้ดูอาการอยู่ตลอดเวลา ซึ่งหมอได้ระบุว่า เป็นโรคไวรัสขึ้นสมอง และโรคปอด ซึ่งอยากให้หมอพูดความจริงอย่ามาหลอกกัน

หลวงตาบวชอยู่วัดแห่งนี้ 3 ปีกว่าแล้ว เป็นคนจังหวัดนนทบุรี ซึ่งแจ้งทางญาติไปแล้วว่าหลวงตาเสียชีวิต แต่ทางญาติไม่สามารถเดินทางมาได้เนื่องจากการระบาดของสถานการณ์โควิด จึงให้พระในวัดจัดการเรื่องศพทั้งหมด

ช่วงที่หลวงตามีชีวิตอยู่ ก็คอยดูแลตนตลอดเหมือนลูก ก่อนหลวงตาจะเสียชีวิต หลวงตาได้ร้องไห้และลืมตา ตนเองก็บอกกับหลวงตาว่า ตนไม่ทิ้งหลวงตา จะอยู่กับหลวงตาตลอด ตนยังเช็ดน้ำตาให้หลวงตาตลอด ตนไม่ใช่ญาติกับหลวงตาอรุณเดช แต่ตนเองยากทราบว่าหลวงตาเสียชีวิตจากสาเหตุอะไรกันแน่ อยากให้หมอบอกมาตรงๆ หลวงตาเป็นพระที่อารมณ์ดี ชอบสนุกเฮฮา และยังแข็งแรง สุดท้ายนี้ตนเองก็ยังเชื่อว่าการเสียชีวิตของหลวงตาเป็นเพราะการฉีดวัคซีนอย่างแน่นอน