รมว.แรงงาน มารอรับศพ 2 แรงงานไทยที่เสียชีวิตจากเหตุโจมตีทางอากาศโดยกลุ่มฮามาสที่แคมป์คนงานในอิสราเอลกลับถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแล้ว พร้อมเพื่อนแรงงานไทย 18 คน

เมื่อวันที่ 26 พ.ค.64 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกำชับให้กระทรวงแรงงาน จัดการส่งศพแรงงานไทยกลับภูมิลำเนา และดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุโจมตีทางอากาศในอิสราเอล โดยประสานเอกอัครราชทูตอิสราเอล นำ 2 ศพแรงงานไทยเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยแล้ว พร้อมแรงงานไทยอีกจำนวน 18 คนที่แจ้งความประสงค์เดินทางกลับได้ไปกักตัว 14 วัน ตามมาตรการที่ ศบค.กำหนด ก่อนกลับภูมิลำเนาต่อไป

เมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 26 พฤษภาคม 2564 ที่คลังสินค้าสนามบินสุวรรณภูมิ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เดินทางไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อรับศพแรงงานไทยกรณีเสียชีวิตจากเหตุโจมตีทางอากาศโดยกลุ่มฮามาสในประเทศอิสราเอล โดยมี นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ โฆษกกระทรวงแรงงาน นายไพโรจน์ โชติกเสถียร รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการจัดหางาน  นางสาวเอ็ตตี มิชราคี อัครราชทูต กงสุลประจำสถานเอกอัครราชทูตอิสราเอล พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย

...

ขณะที่ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้จัดพิธีไว้อาลัยและส่งศพนายวีรวัฒน์ การุญบริรักษ์ อายุ 44 ปี ชาว จ.เพชรบูรณ์ และนายสิขรินทร์ สงำรัมย์ อายุ 24 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์ แรงงานไทยจากนิคมเกษตร (โมชาฟ) โอฮาด 2 ราย ที่เสียชีวิตจากจรวดโจมตีเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคมที่ผ่านมา ณ ท่าอากาศยานแบนกูเรียน ในโอกาสนี้ ผู้เข้าร่วมพิธีได้ยืนสงบนิ่งและจุดเทียนไว้อาลัยให้แก่ผู้เสียชีวิต ก่อนที่โลงศพของเสียชีวิตจะถูกลำเลียงไปยังเครื่องบินของสายการบิน EI AI เที่ยวบินที่ LY081 ซึ่งเป็นเที่ยวบินอำนวยความสะดวกนำคนไทยในอิสราเอลกลับประเทศไทยที่สถานเอกอัครราชทูตฯ จัดขึ้นและได้เดินทางออกจากท่าอากาศยานเบนกูเรียนเวลา 22.00 น. ของวันที่ 25 พ.ค.64 และมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในวันนี้ (26 พ.ค.64) เวลา 12.30 น.โดยศพของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 รายจะถูกนำส่งถึงภูมิลำเนาที่จังหวัดเพชรบูรณ์และบุรีรัมย์ทันทีที่เดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

นอกจากนี้ นางสาวพรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ยังได้ดำเนินการจัดให้แรงงานจากโมชาฟโอฮาดที่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีด้วยจรวดเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคมที่ผ่านมา จำนวน 18 ราย ซึ่งในจำนวนดังกล่าวรวมถึงผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว 8 ราย ได้แก่ นายณรงค์ศักดิ์ รอดชมพู อายุ 32 ปี ชาว จ.อุดรธานี นายเชรฐา ผลาพรม อายุ 40 ปี ชาว จ.อุดรธานี นายจักรี รัตพลที อายุ 31 ปี ชาว จ.หนองบัวลำภู และนายธนดล ขันธชัย อายุ 26 ปี ชาว จ.อุดรธานี นายปรีชา แซ่ลี้ อายุ 32 ปี ชาว จ.เชียงราย นายสมศักดิ์จันทร์ภักดี อายุ ปี ชาว จ.สุรินทร์ นางสาวจรัสศรี กล้าแข็ง อายุ 39 ปี ชาว จ.หนองคาย นายอัครชัย ธรรมแก้ว อายุ 28 ปี ชาว อุบลราชธานี และแรงงานที่สมัครใจกลับอีก 10 คน ร่วมเดินทางกลับประเทศไทยด้วยเที่ยวบินนี้ด้วย

นายสุชาติ กล่าวว่า ท่านนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และท่านรองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ท่านกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ได้แสดงความเสียใจกรณีแรงงานไทยเสียชีวิตและห่วงใยแรงงานไทยที่ได้รับบาดเจ็บ และได้กำชับให้กระทรวงแรงงานจัดการส่งศพแรงงานไทยกลับภูมิลำเนา และดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิต จากเหตุโจมตีทางอากาศในอิสราเอลในครั้งนี้ ให้ได้รับสิทธิประโยชน์ตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งรับคนงานที่ประสงค์จะเดินทางกลับประเทศไทยอีกจำนวน 18 คน ที่ได้เดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิในวันนี้ เวลา 12.30 น.ซึ่งบริษัทจัดส่งคนงานจะอำนวยความสะดวกในการจัดส่งไปยังสถานที่กักตัวเป็นเวลา 14 วันตามมาตรการของ ศบค. ก่อนที่จะกลับภูมิลำเนาของแรงงาน โดยคาดว่าจะไปถึงเวลาประมาณเที่ยงคืนของคืนนี้ จากนั้นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานในพื้นที่จะลงไปเยี่ยมครอบครัวของแรงงานและมอบสิทธิประโยชน์การช่วยเหลือตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

สำหรับแรงงานไทยที่เสียชีวิตทั้ง 2 รายคือ นายวีรวัฒน์ การุญบริรักษ์ ทายาทจะได้รับสิทธิประโยชน์ในประเทศไทย รวม 94,798.81 บาท ประกอบด้วย (1) เงินสงเคราะห์จากกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ 40,000 บาท และ (2) สิทธิประโยชน์จากกองทุนประกันสังคมประเทศไทย 54,798.81 บาท และจะได้รับสิทธิประโยชน์จากการทำงานในประเทศอิสราเอล ดังนี้ (1) เงินชดเชยกรณีถูกเลิกจ้าง (ปิซูอิม) ประมาณ 102,820 บาท (2) เงินทดแทนจากสำนักงานประกันสังคมอิสราเอล เดือนละประมาณ 52,380 บาท และ (3) ค่าจ้างค้างจ่าย

...

ขณะที่ นายสิขรินทร์ สงำรัมย์ ทายาทจะได้รับสิทธิประโยชน์ในประเทศไทย รวม 90,389 บาท ประกอบด้วย (1) เงินสงเคราะห์จากกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ 40,000 บาท และ (2) สิทธิประโยชน์จากกองทุนประกันสังคมประเทศไทย 50,389 บาท และจะได้รับสิทธิประโยชน์จากการทำงานในประเทศอิสราเอล ดังนี้ (1) เงินทดแทนจากสำนักงานประกันสังคมอิสราเอล เดือนละประมาณ 52,380 บาท และ (2) ค่าจ้างค้างจ่าย (ไม่ได้รับเงินชดเชยกรณีถูกเลิกจ้าง เนื่องจากทำงานไม่ครบ 1 ปี) โดยทายาทจะได้รับสิทธิประโยชน์จากหน่วยงานในประเทศไทย ในวันที่ 25-26 พฤษภาคม 2564

สำหรับสิทธิประโยชน์จากการทำงานในประเทศอิสราเอลเป็นค่าประมาณการ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของสำนักงานประกันสังคมอิสราเอล สำหรับหลักเกณฑ์การพิจารณาทายาทเพื่อรับเพื่อเงินทดแทนรายเดือนจากสำนักงานประกันสังคมอิสราเอลนั้น ผู้มีสิทธิได้รับเงินชดเชย ได้แก่ บิดา มารดา ภรรยาที่สมรสตามกฎหมาย และบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย อายุไม่เกิน 18 ปี โดยส่วนแบ่งที่ทายาทแต่ละคนจะได้รับพิจารณาจากภาวการณ์พึ่งพิงหรือการดูแลที่ได้รับจากผู้เสียชีวิต และความสามารถในการเลี้ยงชีพของทายาท ระยะเวลาการได้รับเงินชดเชย บิดา มารดา ได้รับทุกเดือนจนเสียชีวิตภรรยาที่สมรสตามกฎหมาย ได้รับทุกเดือนจนเสียชีวิต หรือสมรสใหม่ บุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย ได้รับทุกเดือนจนอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ ทั้งนี้ ฝ่ายแรงงาน ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ จะเร่งติดตามความคืบหน้าต่อไป.

...