2 หนุ่มซิ่งเก๋ง แหกโค้งคอสะพาน พุ่งซัดเสาไฟขาด 2 ท่อน รถตะแคงล้อชี้ฟ้า ไฟลุกท่วมคัน หวิดลามวอด รพ. หนุ่ม 27 ตะเกียกตะกายหนีตายเจ็บสาหัส พบศพถูกย่าง ดับสยองคาซาก 1   

เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 10 พ.ค.64 ร.ต.อ.สัณหวัช แก้วดวงศรี รอง สว.(สอบสวน) สภ.บางแก้ว รับแจ้งอุบัติเหตุรถเก๋งเสียหลักชนเสาไฟฟ้า จนเพลิงลุกไหม้ มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต เหตุเกิดบนถนนกิ่งแก้วมุ่งหน้าบางพลี หมู่ 5 ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ จึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมรถดับเพลิง อบต.ราชาเทวะ และมูลนิธิร่วมกตัญญู 

ที่เกิดเหตุเป็นทางโค้งช่วงคอสะพาน พบรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า อัลติส สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ฆฮ 909 กรุงเทพมหานคร ชนอัดติดกับเสาไฟฟ้าหน้าอาคาร รพ.บางนา 3 เก่า ลักษณะพลิกตะแคงข้าง ล้อหน้าชี้ฟ้า ตัวรถกำลังถูกไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็ว พบผู้บาดเจ็บสาหัส 1 ราย ทราบชื่อ นายเกรียงไกร บุญพอ อายุ 27 ปี เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯรีบนำตัวส่งรักษา ที่ รพ.จุฬารัตน์ 9 ซึ่งอยู่ตรงข้ามที่เกิดเหตุ  

ด้านเจ้าหน้าที่ดับเพลิงช่วยกันระดมฉีดน้ำ เพื่อสกัดไม่ให้ไฟลุกลามไปยังอาคาร รพ. โดยใช้เวลา 30 นาที จากการตรวจสอบพบรถเก๋งถูกไฟลุกไหม้เสียหายทั้งคัน ส่วนตัวอาคาร รพ.เสียหายเล็กน้อย ตรวจสอบภายในรถพบศพชายอายุประมาณ 30-40 ปี ถูกไฟคลอกเสียชีวิตติดคาเบาะคนขับ ภายในตัวไม่พบเอกสาร นอกจากนี้ภายในรถยังพบพวงกุญแจและรีโมตรถยนต์หลากหลายยี่ห้อตกอยู่กว่า 30 อัน พร้อมกระป๋องเบียร์ ที่ถูกเปิดแล้วและยังไม่เปิด อีกจำนวน 4 กระป๋อง ตกอยู่ภายในซากรถด้วย 

จากการสอบถาม นายรัศมี ชมพูพร อายุ 61 ปี เจ้าหน้าที่ รปภ.บริษัทแห่งหนึ่ง อยู่ติดที่เกิดเหตุ เล่าว่า ขณะที่ตนกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ในป้อมหน้าโรงงาน ได้ยินเสียงรถชนก่อนไฟฟ้าจะดับ ตนจึงรีบวิ่งออกมาดูพบรถเก๋งชนอัดติดอยู่กับเสาไฟฟ้า สภาพด้านหน้าชี้ฟ้าท้ายปักดิน กำลังถูกไฟลุกไหม้ห้องเครื่องและในตัวรถ โดยเห็นผู้บาดเจ็บตะเกียกตะกายหนีตายออกมา ก่อนที่เปลวไฟจะลุกไหม้อย่างรุนแรง ตนจึงรีบโทรแจ้งขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ 

...

เบื้องต้น ตำรวจสันนิษฐานว่า ผู้ตายและผู้บาดเจ็บน่าจะทำธุรกิจเกี่ยวกับเต็นท์รถมือสอง โดยขับรถมาด้วยความเร็วก่อนจะเหินคอสะพานเสียหลักปีนฟุตปาท พุ่งชนเสาไฟฟ้าข้างทางจนขาดสองท่อน และเกิดไฟลุกไหม้ดังกล่าว ส่วนร่างผู้เสียชีวิตได้มอบให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ นำส่งชันสูตร ที่ รพ.รามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ บางพลี และจะทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พร้อมสอบสวนผู้บาดเจ็บอีกครั้ง เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป