รองโฆษกศาลปกครอง ชี้การพิสูจน์สิทธิกะเหรี่ยงที่บ้านใจแผ่นดิน ต้องยื่นฟ้องเพื่อสืบพยานหลักฐานใหม่ เหตุคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดแค่ให้กรมอุทยานฯ ชดใช้ค่าเสียหายจากกรณีเจ้าหน้าที่ รื้อถอนเผาทำลายสิ่งปลูกสร้างและทรัพย์สินที่บ้านบางกลอยบนและบ้านใจแผ่นดิน เท่านั้น

วันที่ 9 มี.ค. น.ส.สายทิพย์ สุขคติพันธ์ รองโฆษกศาลปกครอง กล่าวชี้แจงกรณีที่มีการนำคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดไปอ้างในทำนองศาลพิพากษาว่า กะเหรี่ยงบ้านบางกลอยมีสิทธิที่จะกลับไปอยู่บ้านบางกลอยบนและบ้านใจแผ่นดินในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ว่า

ข้อเท็จจริง ชาวบ้านมาฟ้องคดีขอให้ศาลสั่งให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ชดใช้ค่าเสียหายจากกรณีเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ รื้อถอนเผาทำลายสิ่งปลูกสร้างและทรัพย์สินที่บ้านบางกลอยบนและบ้านใจแผ่นดิน 

ศาลได้มีคำพิพากษายึดตาม พ.ร.บ.อุทยาน พ.ศ.2504 ว่า ชาวบ้านไม่ได้มีหลักฐานการครอบครองที่ดินก่อนการประกาศเขตอุทยาน และในคำพิพากษา ศาลได้ระบุว่า ถึงแม้จะอยู่ในเขตอุทยาน แต่การใช้อำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่อุทยานก็ต้องอยู่ภายใต้หลักบริหารงานทางปกครอง ต้องให้มาตรการหนักเบาตามลำดับขั้นเพื่อให้มีผลกระทบกับประชาชนน้อยที่สุด จึงนำไปสู่คำพิพากษาให้กรมอุทยานฯชดใช้ค่าเสียหายเท่านั้น

ทั้งนี้ หาใช่คำพิพากษาที่มาจากการฟ้องคดีโดยตรงว่า ชาวบ้านมีสิทธิที่จะอยู่ในเขตที่กำหนดว่า เป็นเขตอุทยานหรือไม่ หากมีการฟ้องในประเด็นนี้ ศาลก็ต้องมีการนำสืบพยานหลักฐานในอีกลักษณะหนึ่ง