ชาวสวนกล้วยไม้ที่สามพราน นครปฐม กำลังทุกข์หนัก เจอโควิดระบาด กล้วยไม้ขายไม่ออกนานหลายเดือน ยังมาเจอปัญหาน้ำเค็มรุกหนักในปีนี้ วัดค่าได้ถึง 4 กรัมต่อลิตร วอนภาครัฐเร่งช่วย ไม่อย่างนั้นตายแน่

เวลา 10.00 น. ของวันที่ 16 ก.พ. ชาวสวนเกษตรผู้ปลูกพืชผักและสวนกล้วยไม้ ในเขต อ.สามพราน จ.นครปฐม ที่อยู่ติดริมแม่น้ำท่าจีน ได้ร้องต่อศูนย์ข่าวไทยรัฐ จ.นครปฐม ให้ช่วยเป็นปากเสียงช่วยเหลือในการขอให้หน่วยราชการช่วยเหลือผลักดันน้ำเค็ม ที่ปีนี้เข้าในพื้นที่มากกว่าปกติ ทำให้ผู้ทำสวนทั้งไม้ผลและไม้ดอก ได้รับความเสียหายอย่างหนัก พืชที่ปลูกล้มตายไปมากมาย กลัวว่าผลผลิตที่มีชื่อเสียงของนครปฐมจะสูญหายไปหากทางราชการไม่ช่วยเหลือ

จากการไปตรวจสอบ พบว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ที่อยู่ริมแม่น้ำท่าจีน ประกอบอาชีพเกษตรกร ทำสวนกล้วยไม้ สวนฝรั่ง ลำไย และมะพร้าวน้ำหอมต้องใช้น้ำในการประกอบอาชีพเพื่อรดพืชสวน จากการสอบถามตามสวนต่างๆ พบว่า ขณะนี้ชาวสวนได้รับอิทธิพลจากน้ำทะเลหนุนสูง จนทำให้ได้รับความเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ส่วนลำคลองที่เชื่อมต่อกับแม่น้ำท่าจีน นำ้ในคลองก็เหือดแห้ง

...

ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบริเวณคลองแยกบ้านโรงหีบ หมู่ 5 ต.สามพราน อ.สามพราน จากการสอบถามชาวสวนรายหนึ่ง เผยว่าสาเหตุที่น้ำในคลองแห้ง เพราะชาวบ้านช่วยกันกันน้ำไม่ให้เข้า เพราะน้ำมีความเค็มสูงกว่าปกติมาก หากนำมารดน้ำต้นไม้ภายในสวนจะทำให้ไม้ตายหมด พร้อมกับนำเครื่องวัดค่าน้ำเค็ม ซึ่งหากความเค็มของน้ำเกินจาก 0.75 กรัมต่อลิตร ต้นไม้จะรับไม่ได้ พบว่าวันนี้ค่าน้ำที่วัดได้เกินไปกว่า 3.0 กรัมต่อลิตร ทำให้ต้นไม้ผลที่ปลูกไว้ตายเกือบหมด ต้องปิดประตูน้ำที่เชื่อมต่อแม่น้ำท่าจีนไม่ให้น้ำเข้าแล้วดูดน้ำในคลองออก เพื่อรอให้ทางราชการมาช่วยเหลือ

"ได้ร้องขอไปหลายครั้ง แต่กรมชลประทานส่งรถบรรทุกน้ำมาช่วยวันละ 1 คันเท่านั้น พอให้ประทัง แต่มันไม่พอ เพราะสวนที่อยู่ตามริมแม่น้ำมีมากมายหลากหลาย ต้องใช้น้ำกันทั้งนั้นในการทำเกษตร ซึ่งมีนับพันๆ ไร่ น้ำที่ได้ไม่พอต่อความต้องการของชาวสวน ซึ่งเราแค่ขอมาช่วยกระตุ้น ก่อนพืชผลการเกษตรจะตายกันหมด"

ขณะที่ นายธนธรณ์ จรดล อายุ 65 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต. สามพราน เจ้าของสวนกล้วยไม้อยู่ในพื้นที่ 30 ไร่ เป็นอีกผู้หนึ่งที่ได้รับผลกระทบอย่างมาก เปิดเผยว่า ตนเป็นหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องปัญหาน้ำเค็มรุกล้ำ โดยได้รับอิทธิพลมาจากน้ำทะเลหนุนสูง เราชาวเกษตรกรต้องใช้น้ำในการดำรงชีวิต ขณะนี้ไม่กล้าสูบน้ำเข้ามาใช้ในสวนเลย อยากให้หน่วยงานภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือดูแล หรือช่วยระบายและผลักดันน้ำเค็มออกนอกพื้นที่ เพื่อให้ชาวสวนจะได้ดูดน้ำขึ้นมากักเก็บไว้ใช้ในช่วงหน้าแล้งที่กำลังจะมาถึง พร้อมพาผู้สื่อข่าวไปดูที่ท้ายสวน มีกล้วยไม้ที่เน่าตาย แห้งตาย ได้รับความเสียหายจากน้ำเค็ม จนเป็นกองพะเนิน

นายธนธรณ์ เผยว่า ในกองกล้วยไม้ที่ตัดทิ้งนี้มีจำนวนมากกว่า 20,000 ต้น ในระยะเวลาเพียง 2 เดือนที่ผ่านมา หากเป็นอย่างนี้ต่อไปล้มละลายแน่

เช่นเดียวกับนายสุวัฒน์ กาญจนวาหะ อายุ 58 ปี เป็นอีกหนึ่งในผู้ได้รับความเดือดร้อน ได้รับผลกระทบจากน้ำเค็มที่ไหลลงสู่แม่น้ำท่าจีนมากกว่าปกติ ได้นำเครื่องวัดระดับความเค็ม โดยตักน้ำจากแม่น้ำท่าจีนขึ้นมาวัดค่า 

ปรากฏว่า ในวันนี้ระดับความเค็มของแม่น้ำท่าจีนมีค่ามากถึง 4.09 ถึง 4.11 กรัมต่อลิตร ซึ่งโดยปกติแล้วจะต้องมีค่าไม่เกิน 0.75 กรัมต่อลิตร ที่สามารถใช้รดน้ำสวนกล้วยไม้ ทำให้กล้วยไม้แห้งตาย  โดยบอกว่า ชาวบ้านยังคงต้องใช้น้ำวนเวียนอยู่ในสวน หากเป็นอย่างนี้ต่อไปคงตายแน่ๆ หากรัฐไม่เร่งรีบที่จะแก้ไขหรือให้การช่วยเหลือ เพราะนอกเหนือจากเรื่องน้ำเค็มแล้ว ชาวสวนกล้วยไม้ยังได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 รอบที่ผ่านมา กล้วยไม้ส่งออกไม่ได้มาเป็นแรมปี ได้รับผลกระทบทั้งตลาดในประเทศและนอกประเทศ เมื่อก่อนต้นแก่ยังพอขายได้บ้าง แต่ทุกวันนี้กลายเป็นขายไม่ได้เพราะไม่มีคนซื้อ ต้องทิ้งสถานเดียว

...

นายสุวัฒน์ ยังกล่าวอีกว่า จากโควิดรอบแรก จนมาโควิดรอบสอง ส่งผลกระทบตามมาเยอะแยะไปหมด ไม่ว่าจะเป็นค่าขนส่งในประเทศก็สูงขึ้น อีกทั้งรัฐบาลยังมีมาตรการให้งดจัดงานทั้งหมด ทำให้ไม่มีลูกค้าสั่งกล้วยไม้ไปประดับในงาน เดือดร้อนกันไปหมด หนำซ้ำมาเจอเรื่องน้ำเค็มอีก ชาวสวนบางครอบครัวจำเป็นต้องแบ่งขายที่ดินเพื่อลดในการปลูก และขายที่ดินเพื่อมาประทังตัวให้อยู่รอด

อย่างไรก็ตาม อยากให้หน่วยงานภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือและผลักดันน้ำเค็มนอกพื้นที่ไป เพื่อให้ชาวสวนจะได้ดูดน้ำมาเก็บกับไว้ใช้ในหน้าแล้งที่จะมาถึง